จีนผุด28ตึกสูงกลางเวียงจันทน์ เปิดห้อง65ตร.ม.3.5ล้าน
โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์
โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์
ชื่อของโครงการเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวง ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว กำลังกลายเป็นที่ฮือฮาทั้งในหมู่ชาวลาว ชาวจีน และชาวต่างประเทศจำนวนมากที่กำลังมองหาโอกาสในลาว
รัฐบาลลาวและกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์เซี่ยงไฮ้ หว่านเฟิงของจีน ได้ลงนามในสัญญาว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจเฉพาะบึงธาตุหลวง เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2554 โดยกลุ่มบริษัทจากจีนจะได้รับสัมปทานโครงการเป็นระยะเวลา 99 ปี บนพื้นที่ 365 เฮกตาร์ (ราว 3.65 ล้าน ตร.ม. หรือ 2,281 ไร่ 1 งาน) มูลค่าลงทุนทั้งหมด 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ รัฐบาลลาวมุ่งหวังให้พัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นเมืองทันสมัยระดับสากล ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม การท่องเที่ยว การเงิน ความบันเทิง การพักผ่อนหย่อนใจ และที่อยู่อาศัย ดึงดูดการลงทุน ช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมของลาวพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีกำหนดการก่อสร้างทั้งโครงการคือ 15 ปี
ล่าสุด กลุ่มทุนจากจีนได้พัฒนาโครงการระยะแรก 5 ปี เป็นโครงการที่อยู่อาศัยและการพักผ่อนหย่อนใจ ภายใต้เนื้อที่ 18.4 เฮกตาร์ (ราว 1.84 แสน ตร.ม. หรือมากกว่า 110 ไร่ ) ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 17 ชั้น 28 อาคาร อาคารจอดรถ สระว่ายน้ำ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆ โดยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดจองพื้นที่โครงการแล้ว 3 อาคาร
เจ้าหน้าที่ชาวจีนประจำโครงการดังกล่าว เปิดเผยกับ “โพสต์ทูเดย์” ซึ่งลงพื้นที่สำรวจโครงการดังกล่าวว่า ในวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดให้จองพื้นที่จำนวน 3 อาคาร ได้แก่ อาคาร 1 อาคาร 2 และอาคาร 5 เนื่องจากเป็น 3 อาคารแรกที่จะสร้างเสร็จภายในปลายปี 2559 พร้อมกับอาคารจอดรถและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจบางส่วนซึ่งแยกออกจากตัวอาคาร
สำหรับอาคาร 1 และอาคาร 2 นั้น ชั้น 1-15 แบ่งเป็นชั้นละ 8 ห้อง ห้องปกติประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก มีให้เลือกขนาดตั้งแต่ 65.81-73.08 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย ตร.ม.ละ 1,600 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5.39 หมื่นบาท (ประมาณการอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.75 บาท) ทำให้ห้องปกติราคาถูกสุดอยู่ที่ประมาณ 105,926 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3.56 ล้านบาท และแพงสุดที่ประมาณ 116,928 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3.94 ล้านบาท
ขณะที่บริเวณชั้น 16 และชั้น 17 จะมีห้องขนาดพิเศษแบบ Duplex ขนาดตั้งแต่ 100.47-119.21 ตร.ม.ด้วย รวมทั้งอาคารจึงมีห้องทั้งหมด 131 ห้อง
ส่วนอาคาร 5 นั้น แต่ละชั้นแบ่งออกเป็น 3-4 ห้อง มีขนาดห้องตั้งแต่ 72.24-198.66 ตร.ม. จำนวนห้องทั้งอาคารจึงมีเพียง 60 กว่าห้องเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ ระบุว่า ตามปกติแล้วชาวต่างชาติจะไม่สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ในลาวได้ แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจเฉพาะ รัฐบาลลาวจึงมอบสิทธิให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองห้องชุดในโครงการได้เป็นระยะเวลา 99 ปี ขณะที่ชาวลาวเอง หากเข้ามาซื้อ จะได้รับใบอนุญาตถือครองห้องชุดในโครงการดังกล่าวแบบถาวร
สำหรับห้องชุดที่เปิดขายในโครงการดังกล่าว เป็นห้องชุดเปล่าทุกห้อง หากต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์ สามารถให้ทางโครงการเป็นผู้จัดหาให้ได้ โดยระบุระดับราคา ประเภทสินค้า หรือยี่ห้อสินค้าให้แก่ทางโครงการ กลุ่มบริษัทจะเป็นผู้จัดหาให้โดยปลอดภาษี หรือผู้สนใจจองห้องชุดยังสามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งเองก็ได้
ขณะที่การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อซื้อห้องชุดในโครงการนั้น ทางโครงการจะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ซื้อเอง ในอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3% ต่อปี เนื่องจากหากขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในลาว อาจมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 15% แต่ผู้ซื้อจะต้องวางเงินดาวน์โครงการดังกล่าวก่อนไม่น้อยกว่า 30%
เจ้าหน้าที่โครงการ บอกด้วยว่า รัฐบาลลาวยังมีนโยบายสนับสนุนการซื้อห้องชุดโครงการดังกล่าวเพื่อการลงทุนด้วย โดยจะลดหย่อนภาษีอากรการซื้อ-ขายที่ดินที่เกิดจากการนำห้องชุดในโครงการไปขายต่อ ผู้ขายจะจ่ายภาษีการซื้อ-ขายที่ดินในอัตราเพียง 1% และภาษีกำไรจากการซื้อขายที่ดินเพียงแค่ 3% เท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อห้องชุดจากโครงการในมูลค่ามากกว่า 2 แสนเหรียญสหรัฐ จะได้รับบัตรเขียวจากรัฐบาลลาว ซึ่งเป็นบัตรสำหรับคนต่างชาติที่ได้รับการจดทะเบียน
เจ้าหน้าที่ เสริมว่า ปัจจุบันโครงการมีผู้จองชาวลาวมากที่สุด ตามด้วยจีน ขณะเดียวกัน มีผู้เข้ามาชมโครงการจากหลากหลายสัญชาติทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เมื่อพัฒนาเสร็จสิ้นทั้งโครงการระยะ 15 ปี จะประกอบด้วย โรงแรมหรู โรงพยาบาลหรู โรงเรียนนานาชาติ ทะเลสาบ สถานที่จัดประชุมสุดหรูของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียงจันทน์ทาวเวอร์ ร้านค้าหรูหลากหลายประเภทสินค้าและบริการ