Omotenashi Shikoku 6

หลังอาหารเที่ยงเรามีการสำรวจที่พักในเมือง Kotohira กันต่อ โรงแรมที่ไปชมชื่อ Kotohira Grand Hotel Sakuranoshou ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนสอนทำอุด้งนากาโนะไม่ไกล และต้องถือว่าเป็นโรงแรมที่โลเกชั่นดีที่สุดแห่งหนึ่งในแถบนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะใกล้กับทางขึ้น Kompirasan ศาสนสถานที่โด่งดังที่สุดของเกาะชิโกกุแล้ว ยังใกล้กับสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมือง Kotohira ด้วย นั่นก็คือโรงละครคาบุกิ Kanamaruza Theater ที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาโรงละครแบบดั้งเดิม ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟัง โรงละครแห่งนี้มีกลไกด้านล่างเวทีที่น่าอัศจรรย์มาก (สำหรับยุคนั้น) เสียดายที่มีเวลาไม่พอจะเข้าไปเยี่ยมชม เลยได้แต่มองลงมาจากตัวโรงแรม และในช่วงใบไม้แดงและซากุระบาน แถว Kotohira นี้ก็จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โรงแรมแถบนี้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอให้คนมาพัก นอกจากโลเกชั่นแล้วโรงแรม Kotohira Grand Hotel Sakuranoshou ยังมีบ่อแช่น้ำแร่กลางแจ้งที่สวยงาม มองเห็นวิวของเมืองโคโตฮิระได้ทั่วและเห็นไปถึง Kompirasan ด้วย เสร็จจากโรงแรมนี้เรามีไปชมอีก 2-3 แห่ง ที่อยู่ด้านล่างลงไปในเขตเมือง มีทั้งโรงแรมเล็กและใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกไม่แพ้กันเท่าไหร่ อยู่ที่ความชอบของผู้จะมาพักว่าชอบนอนแบบวิวสวย หรือชอบนอนในเมือง เลือกได้ตามชอบใจ

เราออกเดินทางจากเมืองโคโตะฮิระไปยัง New Reoma World ศูนย์บันเทิงขนาดใหญ่ที่มีทั้งสวนสนุก สวนน้ำ ออนเซน โรงแรม และเมืองจำลอง เป็นเรื่องน่าเสียดาย (อีกแล้ว) ที่เราได้ชมแค่สวนน้ำและออนเซนที่อยู่ภายในบริเวณโรงแรมเท่านั้น เพราะดูจากโบรชัวร์แล้วในส่วนของเมืองจำลองที่มีปราสาทนครวัดเป็นแม่เหล็ก ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย แต่เฉพาะที่เดินดูก็ถือว่าได้ไอเดีย โดยเฉพาะท่านที่จะมากันเป็นครอบครัว โรงแรม Reoma no Mori แห่งนี้ตอบโจทย์ของการมาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี จากนั้นเราก็เดินมาดูห้องอาหารที่บริการบุฟเฟ่ต์แบบอลังการ ผมแอบเล็งซุ้มเนื้อย่างกับสารพัดซีฟู้ดอยู่ว่าต้องมาลองชิมดูซะหน่อย แต่ทว่าเจ้าภาพพาเราขึ้นไปที่ห้องจัดเลี้ยงด้านบนเพื่อชมการแล่ปลาที่จัดเฉพาะให้คณะของเราเท่านั้น พร้อมกับฝึกการทำซูชิด้วย ปกติไปที่อื่นมักจะเจอแล่ปลาทูน่า แต่ที่นี่เขาแล่ปลา Buri ให้ชมกันซึ่งหาดูได้ยากกว่า หลายท่านสับสนระหว่าง Buri กับ Hamachi ว่าทำไมเนื้อมันถึงหน้าตาคล้ายกัน จริงๆ แล้วทั้งสองตัวมันคือ Yellowtail พันธุ์เดียวกันนั่นแหละครับ ถ้าตัวเล็กหน่อยเขาเรียก Hamachi แต่ถ้าโตขึ้นมาอีกก็เรียก Buri และส่วนใหญ่ Buri จะเป็นปลาที่จับได้ตามธรรมชาติ แต่ Hamachi มักจะเป็นปลาเลี้ยง ก็แปลกดีเหมือนกัน สรุปง่ายๆ คือ Buri คุณภาพเนื้อดีกว่า Hamachi และถ้าจะให้อร่อยที่สุดก็ต้องเป็น Buri ที่จับได้ในฤดูหนาว ซึ่งเรียกว่า Kanburi จะอุดมไปด้วยไขมันมากกว่า เวลาแล่ทานเป็นซาชิมิสดๆ นี่อร่อยมากไม่แพ้ Chutoro จากปลาทูน่าราคาแพงๆ เลย

ผมบรรจงปั้นซูชิทั้ง 5 คำ อันประกอบด้วย Nigiri 4 คำ และ Gungan 1 คำ พ่อครัวเดินมาตรวจการบ้าน ปรากฏว่าของผมนี่สวยสุด ขนาดได้ที่ ข้าวไม่แตก ส่วน Gungan ก็พอดีหน้าไม่มีทะลักล้น พอชิมฝีมือตัวเองดู เฮ้ย! ใช้ได้เลย อร่อยกว่าซูชิสายพานเสียอีก พ่อครัวยังสำทับต่อว่า นี่ถ้าไปฝึกเป็นพ่อครัวซูชิน่าจะมีอนาคตไกลด้วยนะครับ ทำเป็นเล่นไป