เผยความลับ 50 ปีสหรัฐเผลอทิ้งปรมาณูใส่สเปน
สื่อนอกเผย "สหรัฐ" พลาดทำระเบิดปรมาณูตกจากเครื่องบินใส่สเปนในปี 1966 หลังเกิดอุบัติเหตุชนกันกลางอากาศ แต่ไม่เกิดระเบิดขึ้น
สื่อนอกเผย "สหรัฐ" พลาดทำระเบิดปรมาณูตกจากเครื่องบินใส่สเปนในปี 1966 หลังเกิดอุบัติเหตุชนกันกลางอากาศ แต่ไม่เกิดระเบิดขึ้น
สัปดาห์นี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปีของโศกนาฏกรรมโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลระเบิด จนกลายเป็นหายนะด้านนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
แต่นอกจากความผิดพลาดมหันต์ของอดีตสภาพโซเวียตแล้ว ใครจะเชื่อว่ามหาอำนาจด้านนิวเคลียร์อย่างสหรัฐจะเคยเกิดอาการ “มือลั่น” ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่พันธมิตรโดยไม่ตั้งใจมาแล้ว แต่เรื่องนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ที่แม้แต่คนท้องถิ่นในที่เกิดเหตุเองก็แทบจะไม่ทราบความจริง
เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 1966 เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิด B52 ของกองทัพสหรัฐชนเข้ากับเครื่องบินบรรทุกน้ำมันระหว่างเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ ทำให้ระเบิดปรมาณูบนเครื่อง 4 ลูกตกลงมาบนแผ่นดินสเปน โดย 2 ลูกเกิดระเบิดขึ้นที่เมืองปาโลมาเรส แคว้นอันดาลูเซีย ส่วนอีก 2 ลูกสามารถปลดระบบร่มฉุกเฉินได้ทัน โดยลูกหนึ่งตกลงบนพื้นดินโดยไม่ระเบิด ส่วนอีกลูกตกลงในทะเลเมดิเตอเรเนียนโดยไม่ระเบิดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐใช้มาตรการปกปิดข้อมูลและการประชาสัมพันธ์กลบเกลื่อนทำให้ชาวโลกแทบไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ปัญหานี้
คาราคาซังมาโดยตลอด และเมื่อปีที่แล้วนี้เองที่สหรัฐยินยอมที่จะขนถ่ายดินปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากพื้นที่ดังกล่าวออกไปจากสเปน และคาดว่าจะนำไปทิ้งยังเขตปกปิดในรัฐเนวาดา
สำนักข่าวไวซ์ (Vice) ได้สืบสวนกรณีนี้และสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญชาวสหรัฐที่ชื่อ จอห์น โฮเวิร์ด เจ้าของโครงการ “สุสานสีขาว” (White Sepulchres) ซึ่งทำการสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสเปนและอีกหลายแห่งทั่วโลก และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเมื่อช่วงต้นปีนี้
โฮเวิร์ด เปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่แคว้นอันดาลูเซียของสเปนไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่สหรัฐเกิดอาการมือลั่นทิ้งบอมบ์ใส่ประเทศอื่นโดยบังเอิญกรณีทำนองนี้จะถูกเรียกด้วยรหัสทางการทหารว่า Broken Arrow ซึ่งหมายถึงการที่สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูหรือระเบิดไฮโดรเจนโดยไม่ตั้งใจ
รัฐบาลสหรัฐยอมรับว่ามีเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้น 32 ครั้ง แต่ เอริก ชอลสเซอร์ ผู้สื่อข่าวเชิงสืบสวนชาวสหรัฐระบุว่าเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 50 กองทัพอากาศสหรัฐทำระเบิดหล่นไปถึง 100 ครั้ง ส่วนกองทัพเรือและกองทัพบกสหรัฐไม่ทราบข้อมูล เนื่องจาก
อ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลไว้
หากเกิดสถานการณ์รหัส Broken Arrow รัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการปฏิสเธออย่างแข็งขันเป็นอย่างแรก แต่หากมีคนทราบเรื่องก็จะต้องใช้มาตรการเพื่อให้ข้อมูลเป็นที่กังวลน้อยที่สุด เช่นเดียวกับการระเบิดที่เมืองปาโลมาเรส ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีความสำคัญมากนัก ดังนั้น โลกภายนอกจึงไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลสหรัฐพยายามบิดเบือนข้อมูลให้ดูน่ากังวลน้อยที่สุด
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงการระเบิดที่เมืองปาโลมาเรสก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อคนท้องถิ่นและประเทศสเปน ครั้งนั้นสหรัฐพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากการะเบิดบนพื้นดิน โดยระดมเรือรบถึง 32 ลำ มาปิดน่านน้ำเพื่อทำการค้นหาระเบิดที่จมลงไปในทะเลนานถึง 80 วันเพื่อดึงความสนใจของสื่อมวลชนจากเมืองปาโลมาเรสมาอยู่ที่จุดค้นหากลางทะเลแทน
นอกจากนี้ คนท้องถิ่นยังพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกษตรและการท่องเที่ยว ปัจจุบันนี้แรงงานท้องถิ่นก็ยังทำงานในผืนดินที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี ซึ่งคาดว่าคนเหล่านี้แทบจะไม่ทราบถึงอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณดังกล่าวเลย
จอห์น โฮเวิร์ด กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับปริมาณพลูโทเนียมที่ปนเปื้อนในปาโลมาเรส แต่คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 10 กก. ซึ่งหากเราหายใจเอาพลูโทเนียมเข้าไปในปอดเพียง 1 มก.ก็อาจทำให้ป่วยเป็นมะเร็งปอดได้แล้ว สิ่งที่น่ากังวลก็คือไม่เพียงกัมมันตรังสีจะกระทบต่อชาวเมืองเท่านั้น แต่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ผ่านมายังเมืองนี้โดยไม่ทราบอุบัติเหตุที่เกิดเมื่อ 50 ปีก่อน
ที่มา www.m2fnews.com