ชุดแต่งกายม้าทรง ลุยตลาดอาเซียน

โดย...เมธี เมืองแก้ว

เมืองตรัง ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประชาชนเข้าร่วมงานถือศีลกินเจ หรือถือศีลกินผัก ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวไทยเชื้อสายจีนกว่าร้อยปีแล้ว โดยหนึ่งในพิธีกรรมที่น่าสนใจสำหรับงานถือศีลกินเจก็คือ การออกโปรดสาธุชนขององค์ศักดิ์สิทธิ์ หรือที่ผู้คนทั่วไปมักเรียกกันว่า พระออกเที่ยว และจะมีม้าทรง หรือร่างทรงของเทพเจ้าจีน ติดตามไปเป็นขบวนใหญ่ ซึ่งม้าทรงเหล่านี้มักจะสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูน่าศรัทธาเกรงขาม โดยเฉพาะชุดสีขาว

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของม้าทรง ทั้งพระอาม่า พระอาก๋ง และพระเด็ก ได้ถูกพัฒนาให้มีความสวยงาม มีสีสันสดใส และมีลวดลายที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะม้าทรงหญิง เนื่องจากชุดที่สวมใส่ในการทำพิธีกรรมจะเป็นเสมือนการบอกเล่าถึงตัวตนของม้าทรงนั้นๆ แต่กว่าจะได้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายออกมาต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ละเอียดมากพอสมควร ที่สำคัญก็คือทุกอย่างล้วนก่อเกิดมาจากการผสมผสานของจิต ทั้งในส่วนของผู้ออกแบบและของม้าทรงควบคู่กับฝีมือการตัดเย็บ

บุณยานุช นุชนนทรี เจ้าของร้านบุศบกอุนากัณณ์ กล่าวว่า ชุดม้าทรงออกแบบร่วมสมัยเหมือนกับที่ จ.ภูเก็ต และ จ.นครสวรรค์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องประเพณีถือศีลกินเจในระดับประเทศ โดยได้ทำเสื้อผ้าเครื่อง
แต่งกายให้มีรูปแบบที่แตกต่างไปมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมชาวไทย จีน และอินเดีย รวมทั้งยังคงใช้สีหลักๆ ในการตัดเย็บเหมือนเดิม คือ ขาว แดง เขียว น้ำเงิน ชมพู เหลือง ซึ่งม้าทรงจะเป็นผู้เลือกเองตามความชอบ

ทั้งนี้ ชุดม้าทรงจะมีการวัดตัวจากสะดือถึงพื้น เพื่อกำหนดความยาวของทับหน้า และวัดตัวจากคอหลังถึงพื้น เพื่อกำหนดความยาวของเสื้อผ้า ซึ่งแตกต่างไปจากการวัดตัวทั่วไป จากนั้นจะเริ่มออกแบบในกระดาษพร้อมลงสี เพื่อให้ม้าทรงเห็นภาพ ก่อนไปสู่การตัดเย็บและการปัก

“กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นไปตามมโนจิต คล้ายๆ กับการสร้างสรรค์งานศิลปะ ดังนั้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแต่ละตัวจึงต้องใช้เวลาทำถึง 3 วัน อีกทั้งยังมีรูปแบบโดดเด่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จนทำให้ม้าทรงนำไปสวมใส่แล้วมีความสุข”

สำหรับพระอาม่าจะมีราคาชุดละ 7,900-12,000 บาท พระอาก๋ง มีราคาชุดละ 1,500-3,500 บาท และพระเด็ก มีราคาชุดละ 5,300-7,500 บาท ซึ่งสามารถใช้ได้นานหลายปีจนกว่าจะเก่าหรือขาด เพราะผ่านการทำพิธีกรรมเปิดชุดแล้ว ส่วนเนื้อผ้าที่นิยมนำมาตัดเย็บจะเป็นผ้าเดรฟ เนื่องจากเบา ซักง่าย แห้งไว ราคาไม่แพง 

แม้ว่าปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำของภาคใต้ ทำให้ยอดการสั่งตัดชุดม้าทรงลดลง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการนำชุดเก่ามาซ่อมหรือตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้บุณยานุชเตรียมนำสินค้าเจาะกลุ่มตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยจะใช้ออกแบบศิลปะร่วมสมัยราคาถูกเข้าเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มั่นใจว่าเสื้อผ้าแต่งกายม้าทรงจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี