ไทยแฟชั่นพลาสติกอุตสาหกรรม ขยายตลาดเจาะ ‘กัมพูชา’
หากย้อนกลับไปในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาถือเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มไทย
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
หากย้อนกลับไปในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาถือเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มไทย จากการเป็นฐานผลิตสินค้ากลุ่มแฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมต่างประเทศที่แผ่อานิสงส์ไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสเติบโตตามมา อย่างบริษัทไทยแฟชั่นพลาสติกอุตสาหกรรม ผู้ผลิตสินค้าไม้แขวนเสื้อ ที่ทำตลาดสินค้าดังกล่าวให้กับธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นต่างๆ ทั่วโลกในปัจจุบัน
นพิษฐา ติยะพาณชกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท ไทยแฟชั่นพลาสติกอุตสาหกรรม ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้ากลุ่มไม้แขวนเสื้อและผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้ลิขสิทธิ์ (ไลเซนส์) แบรนด์ Braiform เปิดเผยว่า กิจการเริ่มต้นราวปี 2536 มีคุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในอุตสาหกรรมการ์เมนต์ส่งออกของไทย ที่มีความต้องการอุปกรณ์เสริมกลุ่มไม้แขวนเสื้อพลาสติกตามมา
จากนั้นในปี 2545 บริษัทได้รับสิทธิการผลิตและทำตลาดไม้แขวนเสื้อภายใต้ไลเซนส์ Braiform อังกฤษ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการจัดจำหน่ายไม้แขวนเสื้อและผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเป็นรายเดียวในไทย เพื่อทำการค้าในรูปแบบ ธุรกิจต่อธุรกิจ (บีทูบี) เพื่อส่งออกเป็นหลักกว่า 90% อาทิ ห้างค้าปลีกวอลล์มาร์ท ฟาสต์แฟชั่นแบรนด์ดังเอชแอนด์เอ็ม (H&M) เป็นต้น และอีก 10% เป็นการทำตลาดในประเทศ
“สินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในห้างค้าปลีกต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะขายเสื้อผ้าไปพร้อมกับไม้แขวนเสื้อ ซึ่งโรงงานของบริษัทจะผลิตสินค้าออกมารองรับผู้ผลิตการ์เมนต์ในไทยที่ส่งออก” นพิษฐา เสริม
อย่างไรก็ตาม จากการปรับฐานค่าแรงขั้นต่ำรายวันในไทยส่งผลยังต้นทุนการดำเนินกิจการในประเทศสูงขึ้น โดยเมื่อ 3 ปีก่อน บริษัทจึงตัดสินใจขยายการลงทุนสร้างโรงงานฉีดไม้แขวนเสื้อและถุงพลาสติกใกล้กับกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจชาวเกาหลีที่มองเห็นช่องทางการขยายฐานการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ภายใต้สิทธิภาษีจีเอสพี (GSP)
นพิษฐา กล่าวว่า นับจากปี 2559 เป็นต้นไป บริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจโรงงานในกัมพูชายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเดินสายการผลิต (ไลน์) สินค้าถุงพลาสติก เพื่อป้อนตามคำสั่งผลิต (โออีเอ็ม) และถุงพลาสติกหู้หิ้ว หรือถุงก๊อบแก๊บทั่วไป ที่มองว่าสินค้ากลุ่มนี้ยังมีความต้องการสูงในตลาดกัมพูชาที่จะขยายการเติบโตอีกมากในอนาคต
ด้วยมองว่าตลาดกัมพูชาในขณะนี้อยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าในอุตสาหกรรมความงาม (บิวตี้ โปรดักต์) บริการสุขภาพโรงพยาบาล ฯลฯ ที่มีความต้องการสินค้ากลุ่มถุงพลาสติกเพื่อใช้บรรจุตามมามากขึ้นในอนาคต โดยกลยุทธ์การทำตลาดในกัมพูชาจะต้องมีความพร้อมตลอดเวลา โดยศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน
ขณะที่สิ่งสำคัญในการทำโรงงาน คือ จะต้องควบคุมต้นทุน (คอสต์) ให้ได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าไปพร้อมกับการดูแลระบบหลังบ้าน ซึ่งบริษัทมีทีมขายที่มีทักษะการสื่อสารดีทั้งในภาษาไทยและกัมพูชา ที่ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจท้องถิ่น ด้วยหนึ่งในปัญหาสำคัญของการทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน คือ วัฒนธรรมการสื่อสาร
สำหรับแผนธุรกิจในระยะยาว บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจต่อผู้บริโภค (บีทูซี) เพื่อรองรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในกัมพูชา ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นในอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร สุขภาพ และความงาม
นพิษฐา เสริมว่า สำหรับการเข้ามาช่วยกิจการครอบครัวในรุ่นสอง ซึ่งตัวเธอจะเข้ามาดูในส่วนของงานทั่วไปพร้อมนำระบบอีอาร์พี (ERP) เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า ด้วยธุรกิจนี้ค่อนข้างเป็นตลาดเฉพาะ (นิช มาร์เก็ต) ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งบริษัทจะสามารถรับคำสั่งผลิตสินค้าที่บรรลุข้อตกลง (ดีล) ธุรกิจกับโรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้าจากสำนักงานใหญ่ (เฮดควอเตอร์) Braiform ได้โดยตรงด้วย
ปัจจุบันสินค้าภายใต้ลิขสิทธิ์แบรนด์ Braiform ของบริษัท ครอบคลุมการทำตลาดต่างประเทศต่างๆ รวมถึงในภูมิภาคอาเซียน อาทิ มาเลเซีย จีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น โดยวางเป้าหมายการเติบโตด้านส่งออกอยู่ที่อัตรา 5% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไม้แขวนเสื้อในกัมพูชา คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดอันดับสอง ราว 30-35%