เชียงราย-หลวงน้ำทา เชื่อมท่องเที่ยวอาเซียน

โดย...ชินภัทร์ ไชยมล

แขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาว ถือเป็นประตูการค้าและการท่องเที่ยวทางบกจากจีนตอนใต้ ผ่านเส้นทาง R 3 A เข้าสู่ประเทศไทย ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย  หากว่าทั้ง จ.เชียงราย และแขวงหลวงน้ำทา สามารถร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ ก็เป็นโอกาสที่จะพัฒนาสำหรับตลาดอาเซียนได้เป็นอย่างดี

ผลจากการเปิดเส้นทาง R 3 A และสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 4 อ.เชียงของ ทำให้พรมแดนของทั้งไทยและลาวเชื่อมต่อกันอย่างรอบด้าน ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยแขวงหลวงน้ำทาถือเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของลาว และเร่งพัฒนาให้มีความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภค เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยว จะสังเกตได้จากการเปิดตัวของโรงแรมและรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดขึ้นมาใหม่ในรอบ 1-2 ปี ซึ่งขณะนี้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึงวันละ 1,800 คน

บุนยี แก้วบุนเมือง รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา กล่าวว่า การท่องเที่ยวสำหรับหลวงน้ำทาถือว่าเป็นการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่ดีสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ภาครัฐ หรือทางแขวงเองก็ได้มีการส่งเสริมนโยบายด้านนี้ ให้ชุมชน ประชาชน และชนเผ่าต่างๆ ได้มีงานทำ โดยในแขวงหลวงน้ำทาเองมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายอย่าง เช่น เดินป่า ล่องแพ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ นอกจากนี้ยังมีกิจการท่องเที่ยวตามแหล่งโบราณสถานในเมืองหลวงน้ำทา และตลาดเช้าที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมเดิมของคนลาว และสินค้าของชาวเขาเผ่าต่างๆ เอาไว้

ล่าสุด จ.เชียงราย ได้นำคณะข้าราชการและภาคเอกชนเดินทางเยือนแขวงหลวงน้ำทา พร้อมทั้งหารือกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายและหลวงน้ำทาให้เกิดเป็นรูปธรรม เนื่องจากปัจจุบัน จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึงวันละ 3-4 แสนคน หากสามารถยกระดับการท่องเที่ยวระหว่างกัน ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชน ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งทางการท่องเที่ยวภายใต้ศักยภาพที่มีทั้งทางด้านวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงาม

บุญเวทย์ ศรีพวงใจ รอง ผวจ.เชียงราย กล่าวว่า หากส่งต่อนักท่องเที่ยวจากเชียงรายเข้ามาสู่หลวงน้ำทาได้ก็จะสามารถผลักดันการท่องเที่ยวที่จะเชื่อมโยงกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะเชื่อมต่อเป็นสามเหลี่ยม คือจากเชียงรายเข้าสู่เมียนมา มายังหลวงน้ำทา แล้วกลับมาเชียงราย เป็นการท่องเที่ยว 3 ประเทศใน 1 ทริป

สำหรับการขออนุญาตอยู่ในประเทศ โดยใช้บอร์เดอร์พาส หรือพาสปอร์ต สำหรับเมืองชายแดนไทยและลาว ก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับระยะเวลาการอยู่ในแต่ละประเทศเพื่อการท่องเที่ยว หากมีการอำนวยความสะดวกก็จะส่งผลให้เกิดรายได้ สำหรับจุดเด่นของหลวงน้ำทาที่จะนำเสนอให้กับนักท่องเที่ยวก็คือการเป็นเมืองที่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นเมืองเก่าที่ยังไม่พัฒนามากจนเกินไป ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งเป็นจุดขายซึ่งนักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัส