posttoday

สอบ "เคพีเอ็มจี" ปมสินบนโรลส์-รอยซ์

08 พฤษภาคม 2560

อังกฤษสอบ 1 ใน 4 บริษัทบัญชีใหญ่ระดับโลก กรณีตรวจบัญชีให้โรลส์-รอยซ์ หลังมหากาพย์กรณีสินบน 7 ชาติ

อังกฤษสอบ 1 ใน 4 บริษัทบัญชีใหญ่ระดับโลก กรณีตรวจบัญชีให้โรลส์-รอยซ์ หลังมหากาพย์กรณีสินบน 7 ชาติ

คณะกรรมการตรวจสอบรายงานทางการเงิน (เอฟอาร์ซี) องค์กรอิสระสำหรับการกำกับดูแลบรรษัทภิบาลของสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ เปิดการสอบสวนเคพีเอ็มจี 1 ใน 4 บริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับโรลส์-รอยซ์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ในกรณีติดสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในต่างประเทศ 6 ชาติ และไทย

การตรวจสอบดังกล่าวเกิดขึ้นตามหลังโรลส์-รอยซ์ จ่ายค่ายอมความรวม 671 ล้านปอนด์ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) ให้แก่ สำนักงานปราบปรามการทุจริตของอังกฤษ (เอสเอฟโอ) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และรัฐบาลบราซิล จากกรณีการขายเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินในต่างประเทศ ผ่านนายหน้าคนกลางจนนำไปสู่การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อช่วยเปิดทางให้มีการขายเครื่องยนต์ดังกล่าว

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า โรลส์-รอยซ์ยอมรับข้อกล่าวหาต่างๆ ก่อนหน้านี้ รวมถึงกรณีตบแต่งบัญชีเพื่อปกปิดการกระทำผิดของนายหน้าคนกลางดังกล่าว โดยทางการประเมินว่า โรลส์-รอยซ์ทำรายได้จากการกระทำผิดได้มากถึง 250 ล้านปอนด์ (ราว 1.1 หมื่นล้านบาท)

ด้าน เคพีเอ็มจี เปิดเผยว่า จะให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของเอฟอาร์ซีอย่างเต็มที่

“พวกเรามั่นใจในคุณภาพต่อการตรวจสอบบัญชีที่เราทำให้กับโรลส์-รอยซ์ รวมถึงในช่วงปี 2010-2013 ที่เอฟอาร์ซีจะเข้าตรวจสอบด้วย” เคพีเอ็มจี กล่าวในแถลงการณ์

ขณะเดียวกัน โฆษกของเคพีเอ็มจี ชี้แจงว่า เคพีเอ็มจีจะไม่ได้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับโรลส์-รอยซ์อีกต่อไปในปีนี้ หลังจากเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้เป็นเวลา 26 ปี นับตั้งแต่ปี 1990โดยในกฎใหม่ของเอฟอาร์ซีกำหนดให้เอกชนต้องเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีทุก 10 ปี

ทั้งนี้ ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า เอฟอาร์ซีสั่งปรับบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลกยักษ์ใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เคพีเอ็มจี ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส ดีลอยต์ และเอินส์ทแอนด์ยัง รวม 6.5 ล้านปอนด์ (ราว 292 ล้านบาท) โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เอฟอาร์ซีได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มอำนาจให้กับองค์กรอิสระในการตรวจสอบการปกปิดบัญชีของเอกชน

ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนต่างวิพากษ์วิจารณ์ความโปร่งใสในการทำบัญชีของโรลส์-รอยซ์มาโดยตลอด โดยโรลส์-รอยซ์ได้นำรายได้จากการทำสัญญาเป็นผู้ดูแลเครื่องยนต์ให้กับสายการบินระยะยาวลงในบัญชีรวมกับรายได้จากการขายเครื่องยนต์เครื่องบินที่ขาดทุน แต่ภายใต้กฎหมายใหม่ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2018 กำหนดให้โรลส์-รอยซ์ไม่สามารถนำรายได้จากสัญญาระยะยาวเข้ามาร่วมได้

ในปี 2016 ที่ผ่านมา โรลส์-รอยซ์ขาดทุนก่อนหักภาษีมากถึง 4,600ล้านปอนด์ (ราว 2 แสนล้านบาท) จากค่าเงินปอนด์อ่อนค่าอย่างแรงเทียบเหรียญสหรัฐหลังการทำประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยบริษัทอังกฤษส่วนใหญ่ต่างเลี่ยงความเสี่ยงที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐจะอ่อนค่า ด้วยการเก็บเงินค่าผลิตภัณฑ์และบริการเป็นค่าเงินปอนด์

ภาพ...เอเอฟพี