ระทึก! สิงโตทะเลจากสวนสัตว์ในแคนาดาลากเด็กหญิงลงน้ำ
ผู้เชี่ยวชาญชี้อย่าเสี่ยงให้อาหารสัตว์ป่า เพราะอาจเกิดอันตราย และไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสัตว์เข้าโดยไม่ตั้งใจ
ผู้เชี่ยวชาญชี้อย่าเสี่ยงให้อาหารสัตว์ป่า เพราะอาจเกิดอันตราย และไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสัตว์เข้าโดยไม่ตั้งใจ
คลิปวิดีโอดังกล่าวกำลังกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ หลังถูกเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อจู่ๆสิงโตทะเลตัวหนึ่งจากสวนสัตว์ในรัฐบริติช โคลัมเบีย ของแคนาดากระโจนขึ้นมา และลากตัวเด็กหญิงนักท่องเที่ยวลงไปในน้ำ ท่ามกลางความตกตะลึงของนักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ
จากในคลิป เด็กหญิงกำลังเพลิดเพลินกับการชมสัตว์บริเวณท่าเรือแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ บางคนขว้างปาอาหารลงไปในน้ำให้แก่สิงโตทะเล เจ้าสิงโตงับอาหารเข้าปาก และเริ่มว่ายน้ำเข้ามาใกล้กับขอบมากขึ้น เด็กหญิงนั่งลงที่ขอบเพื่อดูสิงโตทะเล แต่แล้วทันใดนั้นเอง! สิงโตทะเลก็กระโจนขึ้นมาจากน้ำ และงับเข้าที่กระโปรงของเด็กหญิง ลากเธอลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบๆ สิงโตทะเลหายไป และปู่ของเด็กหญิงโดดตามลงไปช่วยเธอขึ้นมาจากน้ำ
เมื่อโตเต็มวัยสิงโตทะเลสามารถมีความยาวได้มากกว่า 7 ฟุต สิงโตทะเลในคลิปวิดีโอเป็นสายพันธุ์แคลิฟอร์เนีย พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวมากถึง 860 ปอนด์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่นี้โปรดปรานในการล่าสัตว์ตัวเล็กๆอย่างปลา หมึก และหอย
ด้านผู้เชี่ยวชาญออกมาไขข้อข้องใจ หลังคลิปวิดีโอนี้กลายเป็นไวรัล และผู้คนมากมายพากันตั้งคำถามถึงความดุร้ายของมัน สิงโตทะเลไม่ได้กระโจนขึ้นมาเพื่อจะลากเด็กหญิงลงไปกิน แต่กระโจนขึ้นมาเพื่อมองหาอาหารเพิ่มเติมต่างหาก อันเนื่องมาจากนักท่องเที่ยวชอบโยนอาหารลงไปให้มัน
ปกติแล้วสิงโตทะเลเป็นสัตว์ที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ซึ่งอุปนิสัยนี้แสดงออกผ่านการว่ายน้ำสำรวจบรรดานักดำน้ำที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน แม้ว่าเด็กหญิงจากในคลิปจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมหากสัตว์ที่กระโจนขึ้นมานั้น เป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่ใช่สิงโตทะเล
George Burgess ผู้อำนวยการโครงการวิจัยฉลามในฟลอริดา ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อนักท่องเที่ยวเองที่อาจได้รับอันตรายหากให้อาหารสัตว์ป่า ในขณะเดียวกันสัตว์ป่าพวกนี้ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะในระยะยาวพฤติกรรมของมันจะถูกสั่งสม ดังที่จะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปวิดีโอ
ขอขอบคุณวิดีโอจาก Michael Fujiwara