เจ้าแห่งสุนัขลากเลื่อน! หนาวนี้สัมผัสประสบการณ์ “ไซบีเรียนลากเลื่อน” ได้แล้วในจีน
มณฑลเฮยหลงเจียง ในประเทศจีนได้เปิดให้บริการ “สุนัขไซบีเรียนลากเลื่อน” ท่ามกลางบรรยากาศหิมะโปรยปราย โดยมีค่าบริการเพียง 100 บาทเท่านั้น
มณฑลเฮยหลงเจียง ในประเทศจีนได้เปิดให้บริการ “สุนัขไซบีเรียนลากเลื่อน” ท่ามกลางบรรยากาศหิมะโปรยปราย โดยมีค่าบริการเพียง 100 บาทเท่านั้น
สำนักข่าวซินหัวรายางน ขณะนี้ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนได้มีการให้บริการสุนัขไซบีเรียนลากเลื่อนทั่วบริเวณรอบแม่น้ำซงฮวา โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์นั่งรถลากเลื่อนกลางหิมะได้ โดยมีค่าบริการเพียง 20 หยวน หรือประมาณ 100 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอ้างอิงจากข้อมูลลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน หรือ “ไซบีเรียน ฮัสกี้” มีข้อมูลว่าสุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดทางตะวันออกของไซบีเรีย และมีความอดทนต่อสภาพอากาศที่หนาวจัดรวมถึงสามารถมีชีวิตรอดได้ในสภาวะหิวโหย อีกทั้งร่างกายของพวกมันยังถูกสร้างมาเพื่อใช้พลังงาน โดยแม้จะต้องวิ่งในระยะทางที่แสนยาวไกลแค่ไหนพวกมันก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากเท่าไหร่นัก
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ “ชนเผ่าชุกชี” นำสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนมาใช้เป็นสุนัขลากเลื่อนหิมะเมื่อ 3,000 ปีก่อน และเผยแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะ “สุนัขลากเลื่อน” หลังจากคว้าชัยชนะในการแข่งขันลากเลื่อนอลาสก้าเมื่อปี 1909 และครองแชมป์ตลอด 10 ปีต่อมา
ไม่เพียงแค่นั้น ในปี 1925 เด็กๆ ในเมืองโนม อลาสก้าป่วยเป็นโรคคอตีบจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้สุนัขลากเลื่อนไปรับยารักษาจากโรงพยาบาลในเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไป โดยทั้งคนลากเลื่อนและสุนัขต่างต้องลุยฝ่าพายุหิมะอันหนาวเหน็บตลอดระยะเวลากว่า 127 ชั่วโมง โดยทีมสุดท้ายที่สามารถนำยามาได้สำเร็จคือทีมของสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้สีดำ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเมืองจึงยอย่องให้พวกมันเป็น “ฮีโร่ของเมือง” และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกมันก็ถูกใช้เป็นสุนัขของกองทัพในทีมสำรวจและช่วยเหลือ อีกทั้งยังถูกใช้ในการขนส่งและสื่อสารอีกด้วย
เรียกได้ว่าเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ “เหมาะสม” ที่สุดแล้วกับการ “ลากเลื่อน” ด้วยพลังงานมหาศาลของพวกมัน เชื่อได้เลยว่ามันจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดแน่นอน นอกจากนี้การออกแรงอย่างหนัก หรือการออกกำลังกายยังเป็นการปลดปล่อยพลังงาน เพื่อให้สุนัขสายพันธุ์นี้ไม่รู้สึกตึงเครียดอีกด้วย
ที่มา: XinhuaNewsAgency , Mentalfloss