posttoday

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย Bitcoin กำลังจะเหมือนวิกฤตปี 2017?

30 พฤษภาคม 2564

สภาพการณ์ของตลาดคริปโตและ Bitcoin เหมือนกับวิกฤคตขาลง/ฟองสบู่เมื่อ 4 ปีก่อนเข้าไปทุกที

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม จอช ยังเกอร์ (Josh Younger) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อนุพันธ์อัตราดอกเบี้ยของ JPMorgan Chase ระบุว่าการเทขายสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี่) ล่าสุดที่ทำให้ Bitcoin ร่วงลงกว่า 50% จากจุดสูงสุดนั้นเหมือนกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับคริปโตเมื่อปี 2017 ที่แสดงอาการถดถอยช่วงปลายตลาดกระทิงก่อนที่จะทรุดลงอย่างหนัก

ยังเกอร์บอกว่าการเพิ่มขึ้นล่าสุดของมูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดนั้นค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าเมื่อรอบปี 2017-2018 แต่การคลายตัวไปสู่ขาลงมีความคล้ายคลึงมากกับช่วงฟองสบู่แตกเมื่อปี 2017-2018

เขาบอกว่าจังหวะและขนาดของขาลง "คล้ายอย่างน่าประหลาด" กับรอบก่อนหน้านี้เ และเช่นเดียวกับในปี 2017 นักลงทุนได้เริ่มกระจายการลงทุนจาก Bitcoin และ Ethereum ไปสู่ Stablecoin และ Altcoins ในขณะที่ความคลั่งไคล้คริปโตยังคงดำเนินต่อไป นักลงทุนกลับยิ่งซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟองสบู่ปี 2017 - 2018

การล่มสลายของคริปโตในปี 2018 (หรือที่เรียกว่า Bitcoin crash และ Great crypto crash) เป็นการเทขายสกุลเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 หลังจากบูมเป็นประวัติการณ์ในปี 2017 โดยเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2017: ราคาของ Bitcoin แตะระดับสูงสุดตลอดกาล (ในเวลานั้น) ที่ 19,783.06 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ

22 ธันวาคม 2017 มูลค่า Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 11,000 ดอลลาร์ลดลง 45% จากจุดสูงสุด 12 มกราคม 2018 ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าเกาหลีใต้อาจเตรียมห้ามการซื้อขายในสกุลเงินดิจิทัลราคาของ Bitcoin ลดลง 12%

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ราคาของ Bitcoin ลดลง 65% ภายในเดือนกันยายน 2018 ดัชนี MVIS CryptoCompare Digital Assets 10 ได้สูญเสียมูลค่าไป 80% ทำให้การลดลงของตลาดคริปโตในแง่เปอร์เซ็นต์มากกว่าการระเบิดของฟองสบู่ Dot-com ในปี 2002

ในเดือนพฤศจิกายน 2018 มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017และราคาของ Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ซึ่งคิดเป็นการลดลง 80% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคมปีก่อน ต่อมา Bitcoin แตะระดับต่ำสุดที่ 3,100 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2018

คำเตือนนักเศรษฐศาสตร์

โจเซฟ สติกลิตซ์ (Joseph Stiglitz) นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2017 กล่าวว่า " (Bitcoin) เป็นฟองสบู่ที่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากพบกับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากมายในขณะที่มันพุ่งขึ้นและดิ่งลง" เขายังชี้ให้เห็นถึงปัญหาของ Bitcoin ที่ใช้โดยอาชญากร ปัญหาการขาดวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และกล่าวว่าควรจะระบุให้เป็นกการกระทำที่ผิดกฎหมาย

พอล ครุกแมน (Paul Krugman) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเขียนเมื่อปี 2018 ว่า Bitcoin เป็น "ฟองสบู่ที่ห่อหุ้มด้วยเวทย์มนต์เทคโนภายในรังของอุดมการณ์เสรีนิยม" เขาวิจารณ์ว่ามันเป็นวิธีการชำระเงินที่ช้าและมีราคาแพง ส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อสินค้าราคาแพงโดยไม่ต้อง "เชื่อมโยงสู่ความเป็นจริง"

ริชาร์ด เธเลอร์ (Richard Thaler) นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลกล่าวย้ำในเดือนมกราคม 2018 ย้ำถึงความไร้เหตุผลในตลาด Bitcoin ที่นำไปสู่ฟองสบู่ เขาชี้ให้เห็นถึงความไร้เหตุผลโดยยกตัวอย่างของบริษัทที่เพิ่มคำว่า blockchain ในชื่อบริษัทซึ่งทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความผันผวนที่สูงมากในราคาของ Bitcoin นั้นเป็นผลมาจากความไม่สมเหตุสมผลตามที่เธเลอร์กล่าว

เดือนเมษายน 2018 ผู้ได้รับรางวัลโนเบล 4 คน ได้แก่เจมส์ เฮคแมน (James Heckman), ธอมัส ซาร์เจน (Thomas Sargent), แองกัส ดีตัน (Angus Deaton) และโอลิเวอร์ ฮาร์ท (Oliver Hart) ได้กล่าวถึง Bitcoin ว่าเป็นฟองสบู่ในงานแถลงข่าวร่วมในปี 2018 ฮาร์ทยังอ้างถึงผลงานของคริสโตเฟอร์ ซิมส์ (Christopher Sims) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันที่ว่า Bitcoin ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง ส่วนเฮคแมนเปรียบเทียบ Bitcoin กับฟองสบู่ทิวลิปในศตวรรษที่ 17 ขณะที่ดีตันชี้ให้เห็นถึงปัญหาการใช้ Bitcoin ของพวกอาชญากร

นูเรียล รูบีนี (Nouriel Roubini) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กได้เรียก Bitcoin ว่า "โคตรเหง้าของฟองสบู่ทั้งหมด" โดยเขียนว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นรากฐานนั้นมี "อุปสรรคใหญ่ขวางกั้นอยู่" รวมถึงการขาด "โปรโตคอลที่ใช้กันทั่วไปและเป็นสากล" ไม่เหมือนกับตอนที่เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตยุคแรกๆ เขายังชี้ว่า Bitcoin ล้มเหลวในฐานะหน่วยของบัญชีวิธีการชำระเงินและการจัดเก็บมูลค่า และโต้ว่าคนที่บอกว่า Bitcoin ไม่สามารถถดถอนมูลค่าได้นั้นเป็นพวก "ฉ้อโกง"

ฟองสบู่ที่กำลังจะเแตก

ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมถึง 12 มีนาคม 2020 ราคาของ Bitcoin ลดลง 30% จาก 8,901 ดอลลาร์เหลือ 6,206 ดอลลาร์ แต่แล้วภายในเดือนตุลาคม 2020 Bitcoin มีมูลค่าประมาณ 13,200 ดอลลาร์ และในเดือนพฤศจิกายนของปี 2020 Bitcoin ได้ทะลุจุดสูงสุดตลอดกาลก่อนหน้านี้อีกครั้งที่สูงกว่า 19,000 ดอลลาร์

Bitcoin ซื้อขายสูงกว่า 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในวันที่ 8 มกราคม 2021 และถึง 50,000 ดอลลาร์ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2021 เมื่อวันที่ 14 มีนาคมราคาทะลุ 60,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นราคาก็เลี่ยๆ ที่ระดับ 58,000 - 57,0000 ดอลลลาร์จนถึงเดือนพฤษภาคม

จนกระทั่งถึงวันที่ 12 พฤษภาคมราคาก็เริ่มตกลงโดยเริ่มจากราว 49,000 ดอลลาร์ในวันนั้นและลงเรื่อยมาจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคมราคาตกลงมาอยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์ วันที่ 23 พฤษภาคมอยู่ที่ 34,000 ดอลลาร์และมื่อถึงสิ้นเดือนพฤาภาคมก็ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน พร้อมๆ ที่ความกังวลเรื่องฟองสบู่เริ่มเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

สาเหตุของฟองสบู่แตกปี 2017 - 2018 มาจากความกังวลเรื่องการสั่งห้ามค้าคริปโตของเกาหลีใต้ ซึ่งเทียบได้กับคำสั่งห้ามขุดคริปโตของทางการจีนที่ออกมาในเดือนพฤษภาคม 2021 รวมถึงท่าทีกลับไปกลับมาของอีลอน มัสก์ที่เป็นเหมือนศาสดาพยากรณ์ของวงการคริปโตทำให้ราคายิ่งดิ่งลงหนักขึ้นอีก

Photo by Justin TALLIS / AFP