Javelin FGM-148 เขี้ยวเล็บทัพไทยที่สหรัฐเพิ่งตกลงขายให้
FGM-148 Javelin เป็นขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบ ‘ยิงแล้วลืม’ หรือยิงแล้วไม่ต้องบังคับเพิ่มเติมอีก เป็นหนึ่งฝนอาวุธต่อต้านรถถังที่ทรงอานุภาพที่สุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เคลียร์การขายเฮลิคอปเตอร์บรรทุกหนัก CH-53K จำนวน 18 ลำ ให้กับอิสราเอล ซึ่งมีมูลค่า 3,400 ล้านดอลลาร์ ในเวลาเดียวกันนั้นยังไฟเขียวขายขีปนาวุธ Javelin FGM-148 จำนวน 300 ลูก ให้กับประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่า 83.5 ล้านดอลลาร์
แพ็คเกจขายอาวุธให้ประเทศคือจรวด Javelins หน่วยปล่อยคำสั่ง Javelin จำนวน 50 หน่วยและการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง สินค้าสงครามชุดนี้เป็นผลผลิตของบริษัท Javelin Joint Venture ที่เป็นการผนึกกำลังกันของบริษัท Raytheon Missiles & Defense และบริษัท Lockheed Martin ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาวุธ
ประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่าการขาย Javelin FGM-148 ให้ไทยเพื่อที่ไทยจะนำมาปฏิบัติงานแทนที่ หรือ ปรส. 106 มม (ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังขนาด 106 มม.) หรือ Recoilless Rifle 106 mm ซึ่งเป็นอาวุธใช้ยิงต่อสู้รถถังของกองทัพบกไทยที่รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐบอกว่า "ล้าสมัย"
รายงานยังระบุว่า Javelin FGM-148 ที่ขายให้ไทยจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการต่อต้านรถถังแบบเบา และเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันกับสหรัฐในระหว่างการปฏิบัติการและการฝึกปฏิบัติ
Javelin FGM-148 เป็นขีปนาวุธแบบ ‘ยิงและลืม' (Fire-and-forget) ซึ่งไม่ต้องการคำสั่งเพิ่มเติมหลังจากการยิง เช่น การส่องสว่างของเป้าหมายหรือการนำทางด้วยลวด และสามารถยิงโดนเป้าหมายโดยที่ปืนยิงไม่ได้อยู่ในแนวสายตาของเป้าหมาย
จุดเด่นของ Javelin FGM-148 คือมีการล็อคเป้าก่อนยิงและระบบนำทางอัตโนมัติ และยิงโจมตีด้านบนสุดกับยานเกราะ (โจมตีเกราะส่วนบนซึ่งโดยทั่วไปจะบางกว่าส่วนอื่น) แต่สามารถใช้โหมดการโจมตีโดยตรงเพื่อใช้ทำลายสิ่งปลูกสร้างและเป้าหมายภายใต้สิ่งกีดขวาง
มันมีน้ำหนัก 8.4 ก.ก. พิสัยการยิงสูงสุด 4,750 ม. ต่ำสุด 2,500 ม. สามารถยิงได้สูงถึงระดับความสูง 150 ม. ในโหมดโจมตีด้านบน มีการติดตั้งเครื่องค้นหาโดยภาพอินฟราเรด จรวดมีหัวรบ 2 ระยะ (Tandem-charge) คือแบบตั้งต้นเพื่อจุดชนวนระเบิดเกราะรีแอกทีฟ (Reactive armour ซึ่งช่วยลดความเสียหายเมื่อยานเกราะถูกโจมตี) และหัวรบหลักสำหรับเจาะเกราะฐานของยานเกราะ
Javelin FGM-148 มักดำเนินการโดยทีมสองคนที่ประกอบด้วยมือปืนและผู้ถือกระสุน แต่ก็สามารถยิงได้ด้วยคนเพียงคนเดียวหากจำเป็น ในขณะที่มือปืนเล็งและยิงขีปนาวุธ ผู้ถือกระสุนจะสแกนหาเป้าหมาย มองหาภัยคุกคาม เช่น ยานเกราะและกองกำลังของศัตรู และตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีคนในทีมเดียวกันและสิ่งกีดขวางที่ท้ายปืยนเพราะจะมีการระเบิดที่ท้ายปืนหลังการยิง
ในรายงานของกระทรวงตางประเทศสหรัฐที่ไฟเขียวขาย Javelin FGM-148 ให้กองทัพไทยรบุถึงแพ็ตเกจการซื้อซึ่งมีทั้งเครื่องยิงและกระสุน (จรวด) รวมถึงการฝึกใช้ ตามปกติแล้ว กองทหารอเมริกันได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบ Javelin FGM-148 ที่โรงเรียนทหารราบในฟอร์ตเบนนิ่ง รัฐจอร์เจีย เป็นเวลาสองสัปดาห์ ทหารจะได้รับการสอนเรื่องการดูแลและบำรุงรักษาขั้นพื้นฐาน การใช้งานและความสามารถ การประกอบและการถอดประกอบ และตำแหน่งที่สามารถยิงได้ ทหารยังได้รับการสอนให้แยกแยะระหว่างยานพาหนะประเภทต่างๆ แม้ในสถานการณ์มองเห็นได้เฉพาะโครงร่างคร่าวๆ
ทหารต้องทำการฝึกซ้อมตามกำหนดเวลาหลายครั้งด้วยมาตรฐานที่กำหนดไว้ก่อนที่จะมีคุณสมบัติในการใช้งานระบบทั้งในสถานการณ์การฝึกและสงคราม นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการฝึกขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นในฐานทัพส่วนใหญ่ที่สอนทหารเกี่ยวกับการใช้ Javelin FGM-148 อย่างเหมาะสม ในหลักสูตรเหล่านี้ โปรแกรมการฝึกอบรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลักสูตรการฝึกอบรมทั้งสองประเภทจำเป็นต้องบรรลุระดับความชำนาญ ก่อนที่ทหารจะสามารถใช้ Javelin FGM-148 ในการฝึกซ้อมหรือภารกิจในช่วงสงครามได้
Javelin FGM-148 ถูกใช้งานในสงครามอิรัก, อัฟกานิสถาน, สงครามกลางเมืองซีเรีย และในความขัดแย้งที่ลิเบีย
ประเทศที่มี Javelin FGM-148 ครอบได้ เช่น ออสเตรเลีย (92 เครื่อง) บาห์เรน (13 เครื่อง) ฝรั่งเศส (76 เครื่อง) อินโดนีเซีย (25 เครื่อง) นอร์เวย์ (100 เครื่อง) ไต้หวัน (40 เครื่อง) สหราชอาณาจักร (850 เครื่อง 9,000 หัวรบ)
Photo The U.S. Army / Javelin Fire! - Attribution 2.0 Generic (CC BY 2.0)