posttoday

เมื่อ Ant Group ของแจ็ค หม่าสั่นคลอนบัลลังก์ของ 'สีจิ้นผิง'

23 สิงหาคม 2564

ความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของการเมืองจีนเริ่มเผยให้เห็นชัดขึ้นจากกรณีนักการเมืองในค่ายของสีจิ้นผิงถูกเล่นงานเพราะพัวพันกับบริษัทฟินเทคของแจ็ค หม่า

การเล่นงาน Alibaba Group Holding Ltd. ของรัฐบาลจีนดูเหมือนจะยังไม่จบ เพราะโจวเจียงหย่ง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลเมืองหางโจว วัย 53 ปี ถูกสอบสวนฐานละเมิดวินัยพรรคและกฎหมายของรัฐอย่างร้ายแรง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยคณะกรรมการกลางเพื่อการตรวจสอบวินัย (CCDI) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับวินัยภายในของพรรค และคณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติ และหน่วยงานต่อต้านการทุจริตสูงสุดของประเทศจีน

สาเหตุของการจับกุมมีเบาะแสมาจากรายงานจากบุคคลหนึ่ง (วึ่งเราจะเอ่ยถึงต่อไป) ที่ระบุว่าครอบครัวของโจวซื้อหุ้นในบริษัทฟินเทคแห่งหนึ่งเป็นเงิน 500 ล้านหยวนก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่แผนการจดทะเบียนจะถูกยกเลิก รายงานนี้ไม่ได้ระบุชื่อบริษัท

แต่จากข้อมูลที่เรามีทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามันหมายถึง Ant Group ของ แจ็ค หม่าที่ถูกเล่นงานในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะเปิดขายหุ้นครั้งแรกแล้วโดนเบรคจนหัวทิ่ม ตามมาด้วยการเล่นงาน Alibaba อย่างหนักหน่วงของรัฐบาลจีน

ที่สำคัญคือ Alibaba มีสำนักงานใหญ่ที่หางโจว แจ็ค หม่า เป็นพลเมืองอกิติมศักดิ์ของหางโจว คนใหญ่คนโตของหางโจวจำนวนหนึ่งสนิทสนมกับ Alibaba

เมื่อวันอาทิตย์ Ant Group ปฏิเสธว่าไม่มีบุคคลบางคนซื้อหุ้นของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้น IPO เมื่อปีที่แล้วและระบุว่าข้อมูลที่อกมาเป็นข่าวลือออนไลน์ แต่ปรากฎว่าพอเปิดตลาดวันจันทร์ หุ้นของ Alibaba ในตลาดปรับลดลง ย่อมหมายความว่าตลาดหวั่นใจไม่น้อย

ดูเผินๆ การสั่งสอบโจวเจียงหย่งดูเหมือนจะเป็นการกวาดล้างการคอร์รัปชั่น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการสั่งสอบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมณฑลเจ้อเจียงอีกคน ในชั่วเวลาเพียง 4 วันมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหางโจวโดนเล่นงานแล้วสองคน คือโจวเจียงหย่ง (วันที่ 21 สิงหาคม) และหมาเสี่ยวฮุย (วันที่ 19 สิงหาคม) นายกเทศมนตรีเขตหนิงไห่ เมืองหนิงปัว (โจวเจียงหย่ง ก็เคยทำงานที่หนิงปัวมาก่อน)

แต่มันยังมีมากกว่านี้อีก เหมือนกับว่าเจ้าใหญ่นายโตที่เจ้อเจียงกำลังถูกถอนรากถอนโคนครั้งใหญ่ สื่อภาษาจีนต่างเรียกว่า "แผ่นดินไหวใหญ่" ที่เจ้อเจียง

หลังจากโจวและหมาโดนเล่นงาน วันที่ วันที่ 23 สิงหาคม สวีกวงเย่า รองผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมของเขตอิ๋นโจว เมืองหนิงปัว, เฉินเสี่ยวหลง อดีตเลขาธิการพรรคและผู้อำนวยการศูนย์การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมืองหูโจว และ หวงเสียงฉง รองผู้จัดการทั่วไปของ บจก. แห่งหนึ่งในเมืองเวินโจวอยู่ระหว่างการพิจารณาและสอบสวนทางวินัยเช่นกันจากรายงานของสื่อแนวสอบสวนของจีน "ไฉจิง"

ย้อนกลับไปวันที่ 22 กรกฎาคม จางสุ่ยถัง อดีตรองเลขาธิการและผู้อำนวยการสำนักงานต้อนรับของรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเกษียณอายุมาแล้ว 7 ปี ก็ยอมมอบตัวและยอมรับการตรวจสอบทางวินัย

มันยังไม่เหมดแค่นั้น เมื่อเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ฉู่เมิ่งสิง อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเขตไหสู่ เมืองหนิงปัวถูกตั้งข้อหาว่าละเมิดวินัยและกฎหมายอย่างร้ายแรง และอยู่ภายใต้การตรวจสอบทางวินัยและการกำกับดูแลและการสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยประจำมณฑลเจ้อเจียง

ในกรณีต่างๆ นี้ต้องจับตากรณีโจวเจียงหย่ง หมาเสี่ยวฮุย และฉู่เมิ่งสิง เราะทั้งสามคนนี้มีความสนิทสนมกันมากและมีพื้นเพมาจากเมืองหนิงปัว ส่วนพวกที่ถูกสอบสวนคนอื่นๆ ก็มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสามคนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งหมดนี้โยงไปถึง หูหมิ่นชุน ทนายความหญิงที่มีบริษัทในหนิงปัว ที่สำคัญเธอเป็นภรรยาของฉู่เมิ่งสิง หลังจากที่สามีของเธอถูกจับ เธอก็วิ่งเต้นกับคนใหญ่คนโตต่างๆ หนึ่งในนั้นคือโจวเจียงหย่ง ซึ่งแม้ว่าจะเห็นอกเห็นใจและเป็นเพื่อนกับสามีของเธอแต่เขาก็ไม่ช่วยอะไร

ด้วยความสิ้นหวัง หูหมิ่นชุนจึงรายงานเรื่องครอบครัวของโจวเจียงหย่งใช้เงิน 500 ล้านหยวนซื้อหุ้นก่อนการจะเปิด IPO ของบริษัทฟินเทคแห่งหนึ่ง (ที่ลือกันว่าเป็น Ant Group) และจะได้เงินคืน 520 ล้านหยวนถ้าบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ เธอรายงานเรื่องนี้โดยใช้ชื่อจริงของโจวเจียงหย่งและคนอื่นๆ โดยไม่ใช้นามแฝงเอาเลย

เรื่องนี้มีประเด็นที่ควรพูดถึง 3 ประเด็น

ประเด็นแรก นี่คือการ "สั่งสอน" Alibaba และแจ็ค หม่า เหมือนที่รัฐบาลจีนเริ่มทำมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อันมีจุดเริ่มต้นมาจากการแสดงความเห็นท้าทายอำนาจรัฐในแง่การเงินของแจ็ค หม่า เมื่อเร็วๆ นี้ประเด็นนี้ก็ยังมีน้ำหนักเพราะรัฐบาลจีนสั่งจัดระเบียบ ออกใบเหลือง ใบแดงกับบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากจัดการกับภาคธุรกิจแล้ว คงถึงเวลาที่จะจัดการกับภาคการเมืองที่ไปพัวพันกับภาคธุรกิจมากเกินไป กรณีของโจวเจียงหย่งนั้นสนิทสนมกับแจ็ค หม่าค่อนข้างมาก เขาส่งเสริมหม่าและไปร่วมงานเปิดตัวอีเวนต์ของ Alibaba ครั้งใหญ่ๆ และยังมอบตำแหน่งพลเมืองกิตติมศักดิ์ของหางโจวให้กับหม่า ดังนั้นโจวจึงน่าจะถูกจับตาเป็นพิเศษ

จะเห็นได้จากแถลงการณ์จากกรรมการกลางเพื่อการตรวจสอบวินัย (CCDI) สั่งให้สมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในหางโจวแก้ไขตัวเองเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ตนเองหรือญาติไปพัวพันด้วย และเมื่อวันจันทร์ CDDI กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของพรรคที่ยังดำรงตำแหน่งเกือบ 25,000 คนที่มีฐานะนำในรัฐบาลหางโจว รวมถึงผู้ที่เกษียณอายุภายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กำลังดำเนินการ "ตรวจสอบตนเอง" เพื่อตรวจว่าตนเองมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

ประเด็นที่สอง มีข้อสังเกตจาก เริ่นเจี้ยนหมิง ศาสตราจารย์จากคณะบริหารรัฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยวิชาการบินและการอวกาศของปักกิ่งกล่าวกับสื่อจีน "เหลียนเหอ เจ่าเป้า"ว่า นับตั้งแต่การประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลและผู้บริหารส่วนกลางมากกว่า 80 คนในแต่ละปี แต่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในเจ้อเจียงค่อนข้างน้อย อาจเป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่ของเจ้อเจียงได้รับการยกย่องอย่างสูงและมีความสามารถมาโดยตลอด

แต่การที่เจ้าหน้าที่เจ้อเจียงถูกเล่นงานคนแล้วคนเล่าในเวลานี้ แสดงว่าปัญหาคอร์รัปชั่นยังกำจัดไม่หมดสิ้นและยังต้องใช้เวลาอีกนาน และสีจิ้นผิงจริงจังกับเรื่องนี้มากถึงกับบอกว่าการคอร์รัปชั่นเป็น "ความเสี่ยงสูงสุดต่อการปกครอง" ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่าที่มีในเวลานี้

ประเด็นที่สาม เรื่องนี้อาจมีนัยทางการเมือง มณฑลเจ้อเจียงเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญและมีแต่คนเก่งไปบริหาร และอย่างที่ศาสตราจารย์เริ่นเจี้ยนหมิง กล่าวไว้ว่าแต่ไรมาเจ้าหน้าที่ของเจ้อเจียงรอดพ้นการสอบสวนเรื่องคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด เจ้อเจียงถูกเรียกว่า "เกาะแห่งความปลอดภัยทางการเมือง"

แต่การกวาดล้างคอร์รัปชั่นของสีจิ้นผิงถูกมองว่ามีนัยทางการเมืองมาโดยตลอด เบื้องลึกอาจเป็นการกำจัด "กลุ่มการเมือง" (แฟ็คชั่นหรือ "พ่าย" หรือ "ซี่" ในภาษาจีน) ซึ่งในการเมืองจีนนั้นมี "พ่าย" อยู่ 2 กลุ่มหลักคือ "ซ่างไห่ปาง" กับ "ถวนพ่าย" และกลุ่มอื่นๆ ที่เรียกว่า "ซี่"

"พ่าย" หรือ "ซี่" เหล่านี้บ้างก็ยอมรับสีจิ้นผิง บ้างก็รอเวลาสั่นคลอนเก้าอี้เขา ที่เจ้อเจียงนั้นมี "พ่าย" ที่เรียกว่า "จือเจียงซินจวิน" (ทหารใหม่แห่งจือเจียง)

"จือเจียง" เป็นอีกชื่อของมณฑลเจ้อเจียงหมายถึงตอนล่างของแม่น้ำเฉียนถังซึ่งไหล่ผ่านหางโจวด้วย "จือเจียงซินจวิน" เป็นกลุ่มหรือพ่ายของสีจิ้นผิงโดยเฉพาะ คนเหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสีจิ้นผิง เมื่อตอนที่เขาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียง รวมถึงคนอื่นๆ ที่สีจิ้นผิงคัดเลือกมาทำงานด้วยเขาอยู่ที่ฝูเจี้ยนและ "เพื่อนร่วมชั้น" ของเขาที่มหาวิทยาลัยชิงหวารวมถึงเจ้าหน้าที่พรรคฯ ที่ทำงานใกล้ชิกับสีจิ้นผิง แน่นอนว่าใครอยู่ "พ่าย" นี้ย่อมเจริญก้าวหน้าได้ไว

โจวเจียงหย่งอยู่ในกลุ่ม "จือเจียงซินจวิน" (บางแห่งว่าไม่ได้เป็นสายนี้โดยตรง) ได้รับการส่งเสริมอย่างรวดเร็วตั้งแต่การประชุมแห่งชาติครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการหลักพรรคประจำเจ้อเจียงที่อายุน้อยที่สุด หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาควรจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการมณฑลเจ้อเจียง หรือส่งไปรับตำแหน่งงเดียวกันนี้ในมณฑลอื่น แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนได้ ดังนั้นกรณีนี้จึงสั่นสะเทือนกลุ่มของสีจิ้นผิงอย่างมาก และรายงานสื่อออนไลน์ที่แฉเรื่องนี้ถูกลบไปในภายหลัง

แต่ก็น่าสนใจที่ 1 วันก่อนจะถูกสั่งสอบ โจวเจียงหย่งคงไม่ทราบเรื่องเลยจำออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แสดงว่านี่คือการจัดการลงดาบแบบสายฟ้าฟาดจากเบื้องบนเป็นแน่ เพราะการแฉเรื่องของเขาเท่ากับสั่นคลอนกลุ่ม "จือเจียงซินจวิน" และอำนาจของสีจิ้นผิง มันหมายความว่าฐานที่มั่นของสีจิ้นผิงที่ไม่เคยโดนเล่นงานเรื่องคอร์รัปชั่น แท้จริงแล้วมีเรื่องหมกเม็ดเอาไว้ และมันทำให้ภาพลักษณ์ของสีจิ้นผิงในฐานะพระเอกขี่ม้าขาวมาปราบคอร์รัปชั่นต้องแปดเปื้อนไปด้วย

เรื่องนี้แสดงว่าสีจิ้นผิงไม่ปราณีกระทั่งคนในกลุ่มของตัวเอง แต่มันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า?

อันที่จริงมันมีตัวอย่างมาก่อนหน้านี้แล้วจากกรณีการระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดที่เหอหนาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเหอหนานหลายคนถูกโยกย้ายหรือลดตำแหน่งเพราะความไม่มีประสิทธิภาพในการรับมือ แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกเล่นงานเพราะรับมือกับน้ำท่วมที่เจิ้งโจว, เหอหนานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

สื่อนอกจีนชี้ว่าอาจจะมีการสั่งพักงาน โหลวหยางเซิ่ง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำมณฑลซึ่งพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี่เอง และ สวีลี่อี้ สมาชิกประจำคณะกรรมการหลักของพรรคประจำมณฑล ระหว่างที่พรรคฯ สั่งสอบสวนกรณีความล้มเหลวเรื่องการจัดการน้ำท่วมที่เจิ้งโจว ทั้งคู่เป็นคนของ "จือเจียงซินจวิน" ซึ่งหมายความว่าเป็นคนของสีจิ้นผิงนั่นเอง โดยเฉพาะสวีลี่อี้เคยอยู่เจ้อเจียงมาถึง 30 ปีและเคยเป็นลูกน้องของสีจิ้นผิงด้วย

แต่เฉินพั่วคง นักวิเคราะห์การเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายจีนชี้ว่า การตั้งกรรมการสอบคนของสีจิ้นผิงมีนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงพัวพันด้วย หลี่เค่อเฉียงนั้นไม่ไปสั่งการคุมน้ำท่วมที่เจิ้งโจวแต่สั่งจากข้างนอกและไม่ได้ไปเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยอย่างที่ควรจะไป แต่เขากลับเสนอให้ "แสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลอย่างเปิดเผยและโปร่งใส" จากกรณีนี้

คำพูดนี้เหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มันเหมือนจะกระแทกกระทั้นอีกฝ่ายอำนาจว่า "ไม่โปร่งใส"

ปรากฎว่าทางพรรคจึงตั้งคณะสอบสวนขึ้นมาและคนของสีจิ้นผิงก็หายหน้าไป (แม้แต่สีจิ้นผิงก็ไม่ไปดูความเสียหายที่เจิ้งโจวแต่ไปทิเบตเสียอย่างนั้น) คณะสืบสวนที่ตั้งมานั้นตั้งมาจากหน่วยงานในอาณัติของสภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยที่อยู่ในอำนาจของกลุ่มหรือ "พ่าย" อื่นๆ นอกอำนาจสีจิ้นผิง และเฉินพั่วคงชี้ว่า "พ่าย" อื่นๆ นั้นถือหางหลี่เคอเฉียง โดยเฉพาะสมาชิกพรรคอาวุโสที่มีประสบการณ์ นี่คือสัญญาณของการท้าทายอำนาจสีจิ้นผิงอย่างหนึ่ง

หลายคนคงจะไม่ทราบว่า หลี่เค่อเฉียงแม้จะเป็นนายกฯ คู่กับประธานสีจิ้นผิงแต่ก็มาจากกลุ่มการเมืองคนละกลุ่มกับสีจิ้นผิง (มาจาก "ถวนพ่าย" หรือกลุ่มที่นำโดยหูจิ่นเทา) และหลี่เค่อเฉียงเป็นหมากสำคัญของกลุ่มอำนาจอื่นๆ ในพรรคที่จะคานอำนาจกับสีจิ้นผิงที่นับวันยิ่งใช้กำปั้นเหล็กในการบริหารประเทศมากขึ้น

ประเทศจีนอาจดูเป็นเอกภาพภายใต้การบริหารของสีจิ้นผิง แต่หลายเรื่องเขาสร้างความไม่พอใจในหมู่ "พ่าย" ต่างๆ ในพรรคโดยเฉพาะการกุมอำนาจที่พวกตัวเอง ผู้คนจึงกำลังจับตาว่า หลังจากเกิด "แผ่นดินไหวใหญ่" ที่เจ้อเจียงแล้ว จะเกิดแผ่นดินใหวใหญ่ที่อื่นๆ เพื่อสั่นคลอนสีจิ้นผิงอีกหรือไม่

โดย กรกิจ ดิษฐาน

Photo by LEO RAMIREZ / AFP