นายกฯ ใหม่ญี่ปุ่น "ฟูมิโอะ คิชิดะ" เป็นกลางภายใน ภายนอกต้านจีน
ฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำการเมืองสายกลาง ผู้มีท่าทีสุขุม ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น
ฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำคนต่อไปของญี่ปุ่นเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศที่พูดจานุ่มนวลมาจากจากตระกูลนักการเมืองฮิโรชิมา เขามีชื่อเสียงเรื่องจุดยืนเป็นกลางทางการเมืองและความชื่นชอบในกีฬาเบสบอล
ชายวัย 64 ปีคนนี้ชนะการโหวตผู้นำของพรรครัฐบาลเมื่อวันพุธ โดยเอาชนะทาโร โคโนะ หัวหน้าฝ่ายโครงการวัคซีนของรัฐบาลและมีชื่อคุ้นหูประชาชนมากกว่า
เป็นครั้งที่สองที่คิชิดะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คราวที่แล้วเขาพ่ายแพ้ให้กับโยชิฮิเดะ สุงะในปี 2020 แต่สุงะกำลังจะลาออกจากตำแหน่งหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงปีเดียว
คิชิดะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นเป็นคนมือสะอาด แต่มักไม่ชอบทำตัวให้เป็นที่สนใจ และบางครั้งก็ถูกมองว่าขาดเสน่ห์
ท่าทีของคิชิดะเป็นอย่างไร
เขาให้คำมั่นว่าจะใช้เงินก้อนใหญ่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่ซบเซาจากโรคระบาด พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ และปรับแนวทางเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมใหม่ซึ่งครอบงำการเมืองญี่ปุ่นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ คิชิดะเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้านโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างปี 2012-2017 ในระหว่างนั้นเขาได้เจรจาข้อตกลงกับรัสเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งมักมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับญี่ปุ่น
เขาเป็นตัวตั้วตัวตีในการยุติอาวุธนิวเคลียร์โดยเรียกว่าเป็น "งานชั่วชีวิตของผม" (เพราะเขามาจากฮิโรชิมา) และในปี 2016 เขาได้ช่วยนำประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ในขณะนั้นมาเยือนฮิโรชิมาซึ่งเป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์
แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในเชิงเสรีนิยม แต่เขาก็ได้เป็นเสรีนิยมเต็มตัวเหมือนโคโนะ เช่น ในเรื่องประเด็นร้อนทางสังคมเช่นการแต่งงานของเกย์ ขณะที่โคโนะกล่าวว่าเขาสนับสนุนการแต่งงานเพศเดียวกันและเรียกร้องให้มีการหารือในรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม คิชิดะกล่าวว่าเขา "ยังไม่ถึงจุดที่จะยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน" และแสดงจุดยืนที่นุ่มนวลกว่าโคโนะที่ยอมให้คู่สมรสแยกนามสกุลกัน ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอีกประเด็นหนึ่งในสังคมญี่ปุ่น
โทเบียส แฮร์ริส เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำเอเชียที่ศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกา กล่าวว่า คิชิดะ "มีความยืดหยุ่นมากกว่า" มากกว่าโคโนะ "โดยเฉพาะเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง"
“มีหลายสิ่งหลายอย่างในอดีตของเขาที่ชี้ให้เห็นว่าแนวอนุรักษ์นิยม (ของคิชิดะ) แข็งแกร่งกว่าที่เขาแสดงออกมา” แฮร์ริส กล่าวเสริม
เปิดนโยบายนายกฯ คนใหม่
เศรษฐกิจ
คิชิดะเคยกล่าวไว้ว่าหากเขาจะเป็นผู้นำ การควบรวมทางการคลังจะเป็นเสาหลักของนโยบาย นอกจากนี้ เขายังแสดงความสงสัยเกี่ยวกับนโยบายที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าในปี 2018 มาตรการกระตุ้นไม่สามารถคงอยู่ตลอดไป
แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ คิชิดะจึงกลับคำโดยกล่าวว่า BOJ ต้องคงมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ไว้
เขาเสนอแพ็คเกจการใช้จ่ายมากกว่า 30 ล้านล้านเยน และเสริมว่าญี่ปุ่นไม่น่าจะขึ้นอัตราภาษีการขายจาก 10% "เป็นเวลาประมาณหนึ่งทศวรรษ"
“การปฏิรูปการคลังเป็นแนวทางที่เราต้องดำเนินการในท้ายที่สุด แม้ว่าเราจะไม่พยายามเติมเต็มการขาดดุลของญี่ปุ่นด้วยการขึ้นภาษีทันที” เขากล่าวเมื่อวันเสาร์
เขาเน้นถึงความจำเป็นในการกระจายความมั่งคั่งให้กับครอบครัวมากขึ้น ตรงกันข้ามกับการมุ่งเน้นนโยบาย "อาเบะโนมิกส์" ของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ในการเพิ่มผลกำไรของบริษัทโดยหวังว่าผลประโยชน์จะตกไปถึงประชาชนทั่วไป
การทูต/ความมั่นคง
คิชิดะเชื่อว่าญี่ปุ่น โดยความร่วมมือกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ควรจะยืนหยัดต่อต้านการผงาดของจีน
“เพื่อปกป้องค่านิยมสากล เช่น เสรีภาพ ประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และสิทธิมนุษยชน เราต้องพูดให้แน่ชัดว่าต้องพูดอะไรเมื่อเผชิญกับการขยายตัวของระบอบเผด็จการอย่างจีน ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับประเทศที่ยึดถือค่านิยมดังกล่าว ” เขากล่าวในเดือนนี้
คิชิดะวางแผนที่จะเสริมศักยภาพของหน่วยยามฝั่ง เนื่องจากญี่ปุ่นยังคงมีกรณีพิพาทกับจีนในเรื่องอำนาจอธิปไตยของกลุ่มเกาะเล็กๆ ในทะเลจีนตะวันออก
คิชิดะสนับสนุนให้มีการลงมติของรัฐสภาประณามการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ของจีน และต้องการแต่งตั้งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์
เขายินดีที่ไต้หวันเสนอให้เข้าร่วมสนธิสัญญาการค้าเสรี "ข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก" หรือ CPTPP ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์
การตอบสนองต่อ COVID-19
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีหน่วยงาระดับกระทรวงมากเกินไปที่รับผิดชอบต่อมาตรการการระบาด คิชิดะวางแผนที่จะมอบบทบาทผู้บังคับบัญชาให้กับหน่วยงานรัฐบาลใหม่รับหน้าที่เดียวไป
เขาเห็นว่าการพัฒนายาและการฉีดวัคซีนในวงกว้างเป็นกุญแจสำคัญในการกลับสู่ชีวิตปกติ
“ตอนนี้มีความพยายามพัฒนายารับประทานและจำหน่ายให้แพร่หลายภายในสิ้นปีนี้ และรัฐบาลจำเป็นต้องทุ่มน้ำหนักให้กับความพยายามเหล่านั้น” คิชิดะกล่าวกับผู้สื่อข่าวในเดือนนี้
"ผมต้องการให้เราก้าวไปข้างหน้าและบรรลุเป้าหมายในการนำกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมของเรากลับสู่สภาวะปกติในช่วงต้นปีหน้า"
ตระกูลนักการเมืองเก่าแก่
ตามรอยเท้าของพ่อและปู่ของเขา คิชิดะเข้าสู่การเมืองในปี 1993 โดยเคยทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเฟื่องฟู
เมื่อเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปีในนิวยอร์กซึ่งเขาประสบกับการถูกเหยียดเชื้อชาติที่โรงเรียน มันเป็นประสบการณ์ที่เขากล่าวว่าทำให้เขารู้สึกถึงความยุติธรรมอย่างแรงกล้า
เขาเป็นแฟนตัวยงของทีมเบสบอล Hiroshima Carp และว่ากันว่าชอบดื่มซึ่งต่างจากสุงะที่งดดื่มเหล้า ในขณะที่ภรรยาของ คิชิดะมาจากครอบครัวผู้กลั่นเหล้าสาเกที่ร่ำรวย
คิชิดะเป็นนักเบสบอลตัวยงที่โรงเรียน เขาสอบไม่ผ่านถึงสามครั้งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งทำให้พ่อแม่ผิดหวังมาก
เขาเรียนที่วาเซดะซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงซึ่งเขาเลือกเรียนที่นี่เพราะบรรยากาศที่จริงจังและไม่โอ้อวด
คิชิดะพยายามชี้ชวนให้ประชาชนเห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่รับฟังประชาชนและกล่าวว่าประชาชนชาวญี่ปุ่นต้องการ "การเมืองแห่งความเอื้ออาทร"
เขาได้เชิญผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ฝากข้อความไว้ในกล่องข้อเสนอแนะและนำสมุดจดบันทึกไปยังเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อบันทึกความคิดเห็นจากสาธารณชน
แต่เขาไม่เคยต่อได้ติดกับประชาชนเลย และมักถูกล้อเลียนในโลกโซเชียลด้วยซ้ำ
Photo by Kazuhiro NOGI / AFP