ยอดเหยื่อแผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรียพุ่งเกิน 3,000

แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ทำให้อาคารที่พักอาศัยจำนวนมากในตุรกีพังทลาย และสร้างความเสียหายแก่ชาวซีเรียหลายล้านคนซึ่งพลัดถิ่นเนื่องจากสงครามกลางเมืองมาหลายปี.

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นของวันจันทร์ ในสภาพอากาศที่รุนแรงของฤดูหนาว และเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ซ้ำตามมาในช่วงบ่ายซ้ำเติมความเสียหายให้รุนแรงมากขึ้น

ล่าสุด สำนักงานบริหารภัยพิบัติและฉุกเฉินของตุรกี (AFAD) กล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,762 คน  และมีผู้บาดเจ็บ 12,068 คน

ขณะที่ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,293 คนในซีเรีย ตามตัวเลขจากรัฐบาลดามัสกัสและเจ้าหน้าที่กู้ภัยในภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่ควบคุมโดยกลุ่มต้านรัฐบาล ขณะที่การค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่ดีและถนนที่ได้รับความเสียหายระหว่างเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดทางตอนใต้ของตุรกี เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการสำรวจและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ อุณหภูมิในบางพื้นที่คาดว่าจะลดลงจนเกือบถึงจุดเยือกแข็งในตอนกลางคืน ซ้ำเติสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือถูกทิ้งไว้โดยไร้ที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีฝนตกซ้ำเมื่อวันจันทร์หลังจากพายุหิมะพัดทั่วประเทศในช่วงสุดสัปดาห์

ประธานาธิบดีตุรกี Tayyip Erdogan ระบุว่าแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์เป็นภัยพิบัติครั้งรุนแรงประวัติศาสตร์ และแผ่นดินไหวที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศตั้งแต่ปี 1939 แต่กล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำลังทำทุกอย่างที่ทำได้ โดยทุกคนทุ่มเททั้งกายและใจให้กับความพยายามในการช่วยเหลือและกู้ภัย แม้ว่าฤดูหนาว อากาศเย็นและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนจะทำให้สิ่งต่างๆยากขึ้นก็ตาม และล่าสุด มีรัฐบาล 45 ชาติ ได้เสนอความช่วยเหลือรูปแบบต่างๆมาแล้ว

ขณะเดียวกัน แผ่นดินไหวครั้งที่สองมีความรุนแรงใกล้เคียงกัน ฝใหญ่พอที่จะทำให้อาคารถล่มลงมามากขึ้น กลายเป็นอันตรายต่อทีมงานกู้ภัยที่ต้องดิ้นรนดึงผู้เสียชีวิตจากซากปรักหักพัง

องค์การสหประชาชาติกล่าวว่าประชาชน 4.1 ล้านคน ซึ่งหลายคนพลัดถิ่นจากความขัดแย้งและต้องอาศัยอยู่ในค่ายพักพิงต่าง ๆ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ถือเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากที่สุด เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความพยายามในการสนับสนุนระหว่างประเทศที่น้อยลงและขาดเงินทุน