การประชุมระหว่างไบเดน และแม็คคาร์ธีจบลงโดยไม่มีข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและประธานสภา เควิน แมคคาร์ธีไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะมีการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดิ่งลง แต่ให้คำมั่นว่าจะมีการเจรจากันต่อไป
ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตและผู้นำในรัฐสภาจากพรรครึพับบลิกัน ประสบปัญหาในการทำข้อตกลง เนื่องจากแมคคาร์ธีกดดันทำเนียบขาวให้ตกลงที่จะลดการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลกลางที่ไบเดนมองว่า "สุดโต่ง" และประธานาธิบดีก็ผลักดันภาษีใหม่ที่พรรครีพับลิกันปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการผิดนัดด้วยข้อตกลงสองฝ่ายหลัง และส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะพูดคุยกันต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับสถานการณ์กล่าวว่าผู้เจรจาของทำเนียบขาวกำลังกลับไปที่ Capitol Hill เพื่อดำเนินการเจรจาต่อ
“เราขอย้ำอีกครั้งว่าการผิดนัดนั้นไม่ใช่จุดหมาย และวิธีเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าคือการทำข้อตกลงสองฝ่ายโดยสุจริต” ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งเขาเรียกว่า “มีความคืบหน้า”
แม็คคาร์ธี กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากพูดคุยกับ ไบเดน ว่าผู้เจรจากำลัง "จะรวมตัวกันทำงานตลอดทั้งคืน" เพื่อพยายามหาจุดร่วม
“ผมเชื่อว่าเรายังไปถึงจุดนั้นได้”
แต่แมคคาร์ธีกล่าวว่าเขาไม่เต็มใจที่จะพิจารณาแผนการของ Biden ในการลดการขาดดุลโดยการเพิ่มภาษีจากผู้มั่งคั่งและปิดช่องโหว่ทางภาษีสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและเภสัชกรรม เขากล่าว และมุ่งเน้นไปที่การลดการใช้จ่ายในงบประมาณของรัฐบาลกลางปี 2024
พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีเวลาจนถึงวันที่ 1 มิถุนายนในการเพิ่มวงเงินกู้ยืมของรัฐบาล หรือจะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอาจนำมาซึ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ข้อตกลงใด ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงเพดานหนี้ จะต้องผ่านสภาคองเกรส และวุฒิสภา ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของพรรคสองฝ่าย รีพับลิกันของแมคคาร์ธีครองสภา 222-213 ในขณะที่พรรคเดโมแครตของไบเดนครองวุฒิสภา 51-49
ความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้จะก่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ตลาดการเงินสั่นคลอนและผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นในทุก ๆ อย่าง ตั้งแต่ค่าผ่อนรถไปจนถึงบัตรเครดิต