Microsoft และ Alphabet กำไรสูงกว่าประมาณการรายไตรมาส จากธุรกิจคลาวด์และ AI

แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Microsoft จากไตรมาสก่อนเนื่องจากสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่เพื่อรองรับ AI และหุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

Wall Street มองว่า AI เป็นประโยชน์ต่อ Microsoft ซึ่งเป็นผู้นำในช่วงเริ่มต้นด้วยการลงทุนใน OpenAI ซึ่งเป็นเจ้าของบริการยอดนิยม ChatGPT 

นอกจากนี้ Microsoft กำลังถักทอ AI เป็นผลิตภัณฑ์ของตนเอง  รวมทั้งยังมีเป้าหมายที่จะขายบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่บริษัทอื่น ๆ จะใช้เพื่อสร้างบริการ AI

รายรับเพิ่มขึ้นเป็น 56.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สี่ของปีงบการเงินสิ้นสุดเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 55.5 พันล้านดอลลาร์ตามรายงานของ Refinitiv ทำให้รายได้สุทธิอยู่ที่ 2.69 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่ 2.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หน่วย Intelligent Cloud ของ Microsoft ซึ่งเป็นที่ตั้งของแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์คลาวด์ Azure เพิ่มรายรับเป็น 24 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดไว้ 23.8 พันล้านดอลลาร์

รายได้ของ Azure เพิ่มขึ้น 26% ซึ่งสูงกว่าประมาณการการเติบโต 25.2% จาก Visible Alpha

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเผชิญกับการตกต่ำของธุรกิจพีซี โดยยอดขายรวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows ลดลงเหลือ 13.9 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังสูงกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์ที่ 13.6 พันล้านดอลลาร์ตาม Refinitiv

ขณะเดียวกัน ผลกำไรในไตรมาสที่สองของ Alphabet ก็เกินความคาดหมายของ Wall Street เช่นกัน โดยบริษัทแม่ของ Google ประกาศว่า Ruth Porat ซึ่งเป็น CFO มายาวนานจะรับบทบาทใหม่ Porat ซึ่งได้รับการว่าจ้างในปี 2558 เป็นหนึ่งในผู้บริหารหญิงที่โดดเด่นที่สุดของ Silicon Valley และดูแลการเติบโตอย่างมากที่ Alphabet เธอจะกลายเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนและประธานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน

ขณะที่ผลประกอบการของ Alphabet ได้รับอานิสงส์จากความต้องการที่คงที่สำหรับบริการคลาวด์และโฆษณาที่ฟื้นตัว หุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 5% หลังการซื้อขายในตลาด

โฆษณายังคงทำรายได้ส่วนใหญ่ให้กับ Alphabet ขณะที่

Google Cloud ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่สุดคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยการนำเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์มาใช้อย่างแข็งแกร่ง

บริษัทรายงานกำไรสุทธิที่ 1.44 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ขณะที่รายรับในไตรมาสนี้อยู่ที่ 74.6 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่ประเมินไว้ 72.82 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Refinitiv