กว่า 100 ชีวิต เซ่นไฟป่าฮาวาย คาดผลพวงจากโลกร้อน
ไฟป่าบนเกาะเมาวีของฮาวายคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 110 ราย นับเป็นเหตุไฟป่าสหรัฐที่คร่าชีวิตคนมากสุดในรอบเกือบศตวรรษ นักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยหลายหมื่นคนต้องเร่งอพยพ ขณะที่เมืองลาไฮนาซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ถูกเผาวอดจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง
ไฟป่าบนเกาะเมาวี, ฮาวาย ยังลุกลามอยู่หรือไม่?
ทีมดับเพลิงยังต้องรับมือกับไฟป่าในลาไฮนาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันพุธไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่ไปแล้วกว่า 2,170 เอเคอร์ แต่ไม่มีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้นระหว่างดับไฟ ขณะที่ไฟป่าอีกแห่งในเมืองกุลา (Kula) ซึ่งเผาไหม้พื้นที่ไป 678 เอเคอร์ แต่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 75% ส่วนไฟป่าขนาดเล็กในจุดอื่นๆสามารถควบคุมได้แล้ว 100%
อย่างไรก็ตาม ไฟป่าที่เริ่มลุกไหม้ ในคืนวันที่ 8 ส.ค. ได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่อเมืองลาไฮนาทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเมาวี ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรประมาณ 13,000 คน และเป็นเมืองหลวงของรัฐฮาวาย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ราว 2 ล้านคนต่อปี
ไฟป่ายังสร้างความเสียหายต่อตึกอาคารมากกว่า 2,200 หลัง โดย 86% เป็นอาคารสำหรับอยู่อาศัย ขณะที่สำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง (The Federal Emergency Management Agency: FEMA) ประเมินว่า ต้องใช้เงินกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างเมืองใหม่
ยอดผู้เสียชีวิตเลวร้ายกว่าไฟป่าครั้งอื่นๆหรือไม่?
เหตุไฟป่าบนเกาะเมาวีของฮาวายนับเป็นไฟป่าที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 1918 ที่เกิดเหตุไฟป่า "โคลเคต์ไฟร์ (Cloquet fire)” ที่ลุกไหม้เป็นระยะเวลา 4 วัน สร้างความเสียหายต่อรัฐมินนิสโซตาและวิสคอนซิน คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 453 ราย
อย่างไรก็ตาม ไฟป่าที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ คือไฟป่าในเมือง Peshtigo รัฐวิสคอนซินในปี 1871 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 1,152 คน
ทั้งนี้ ไฟป่าในฮาวายยังถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับเกาะแห่งนี้ นับตั้งแต่เกิดสึนามิในปี 1960 ที่คร่าชีวิตผู้คนไป 61 ราย
ระบบแจ้งเหตุเตือนภัยของฮาวายยังทำงานได้ดีหรือไม่?
ประชาชนบนเกาะเมาวีบางส่วนตั้งคำถามว่า ทางการสามารถหาวิธีที่ดีกว่านี้เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้หรือไม่ ซึ่งหลายส่วนให้ความเห็นว่าพวกเขาได้รับข้อมูลแจ้งเตือนภัยที่น้อยมาก ขณะที่ประชาชนบางส่วนเกิดความตื่นตระหนกจนต้องกระโดดหนีลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าไซเรนที่ติดตั้งประจำอยู่ทั่วเกาะ ซึ่งมีไว้เพื่อเตือนถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่เคยส่งเสียงเตือนเพื่อแจ้งภัยใดๆ ประกอบกับเมื่อบนเกาะขาดไฟฟ้า จึงกระทบต่อระบบแจ้งเตือนภัยในรูปแบบอื่นเช่นกัน
จุดเริ่มต้นไฟป่าบนเกาะเมาวีของฮาวาย
สำหรับสาเหตุของไฟป่าบนเกาะเมาวีนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ขณะเดียวกันทางกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติได้ออกคำเตือนเพิ่มเติมสำหรับหมู่เกาะฮาวาย เนื่องจากคาดว่าในช่วงนี้จะเกิดลมกระโชกแรงประกอบกับสภาพอากาศแห้งแล้ง ซึ่งเป็นสภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าได้อย่างง่ายดาย
ตามรายงานของ US Forest Service เกือบ 85% ของไฟป่าในสหรัฐฯ เกิดจากฝีมือมนุษย์ ส่วนสาเหตุทางธรรมชาติอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฟ้าผ่าและการระเบิดของภูเขาไฟ
โดยปกติแล้ว สาเหตุการเกิดไฟป่าของฮาวายที่มีสาเหตุจากธรรมชาตินั้นมีอัตราส่วนน้อยกว่า 1% แต่การแพร่กระจายของพืชที่ไม่ใช่พันธุ์ท้องถิ่นซึ่งมีความสามารถในการติดไฟได้ง่าย นับเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงและเพิ่มระดับความรุนแรงของไฟป่าในฮาวาย
นอกจากนี้ อุณหภูมิที่ร้อนจัดจนทำลายสถิติในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ ยังทำให้ไฟป่าในยุโรปและแคนาดาทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต้นเหตุจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะสภาพอากาศสุดขั้วที่มีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดบ่อยขึ้น