สเปนคว้าชัยศึกฟุตบอลโลกหญิงสมัยแรก ดันศักยภาพวงการกีฬาหญิง

ฟุตบอลโลกหญิงในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 แล้ว โดยมีออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพร่วมกัน และเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในซีกโลกใต้

แม้ความสนใจจากประชาชนท้องถิ่นจะลดลงเมื่อออสเตรเลียตกรอบรองชนะเลิศ แต่จำนวนผู้ชมที่ให้ความสนใจยังเพิ่มขึ้น โดยแฟนบอลเกือบ 2 ล้านคนได้เดินทางเข้ารับชมเกมการแข่งขันใน 9 เมืองที่ออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ผู้เข้าชมเกมในนัดสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์อยู่ที่ราว 75,784 คน

การพบกันระหว่างทีมชาติอังกฤษและสเปนถือเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกหญิงรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตามทีมชาติอังกฤษยังต้องรอคอยการชูถ้วยแชมป์ต่อไป หลังจากที่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก(ชาย) ไปทั้งหมด 1 ครั้ง ในปี  1966

ช่วงที่ผ่านมา ฟุตบอลหญิงทีมชาติอังกฤษถูกกีดกันไม่ให้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก จนกระทั่งปี 1970 ทำให้ความสนใจจากสาธารณะและเงินทุนสนับสนุนต่อทีมชาติหญิงยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับทีมชาย แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปหลังจากพวกเธอสามารถเอาชนะการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปในปีที่ผ่านมาได้ก็ตาม

Millie Bright  กัปตันทีมชาติอังกฤษกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจบเกมว่า เธอรู้สึกภาคภูมิใจกับความก้าวหน้าของวงการฟุตบอลหญิง และต้องขอยกเครดิตให้กับทัวร์นาเมนต์นี้ ทุกทีมได้รับเสียงสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมันเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ออสเตรเลียจะตกรอบรองชนะเลิศหลังพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติอังกฤษไป แต่มีการจดบันทึกสถิติผู้ชมโดยบริษัทวิจัย OzTAM ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ในการแข่งขันนัดนี้มีผู้รับชมผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น Seven Network เฉลี่ยกว่า 7.13 ล้านคน

ส่วนตั๋วเข้าชมเกมการแข่งขันนั้น ผู้จัดเผยว่าจำหน่ายหมดล่วงหน้าไปหลายเดือนแล้ว และคาดว่าจำนวนผู้เข้าชมเกมในสนามจะเกิน 30,000 คนโดยเฉลี่ย ซึ่งหากเทียบกับฟุตบอลโลกหญิงครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในฝรั่งเศสเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีผู้เข้าชมเกมในสนามเฉลี่ย 21,756 คนเท่านั้น

ทั้งนี้้ ศึกฟุตบอลโลกหญิงในครั้งนี้ ได้สร้างความเคลื่อนไหวใหม่ต่อประเด็นเงินทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวงการฟุตบอลหญิงให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก รวมถึงยังมีการเรียกร้องให้การแข่งขันกีฬาของผู้หญิงสามารถรับชมได้ฟรีทางโทรทัศน์