ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่มิถุนายน หลังจากเฟดคงนโยบายเข้มงวด
นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เทขายออกอย่างหนักในวันพฤหัสบดี เนื่องจากความกังวลว่า นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงใช้อยู่นานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีหุ้นหลักๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งสามดัชนีร่วงลงกว่า 1% สวนทางกับอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในวันรุ่งขึ้นหลังจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่าเงินเฟ้อยังมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่จะเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง
หุ้น megacaps ที่ไวต่ออัตราดอกเบี้ยนำโดย Amazon.com , Nvidia Corp , Apple Inc และ Alphabet Inc ลาก S&P 500 และ Nasdaq ไปที่ระดับปิดตลาดต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน
เมื่อวันพุธ ในช่วงสรุปการประชุมนโยบายการเงิน 2 วัน ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของกองทุนFed ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 5.25%-5.50% ตามที่คาดไว้ แต่การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับการอัพเดท ซึ่งรวมถึง dot plot ที่จับตาดูอย่างใกล้ชิด แสดงให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้นไปจนถึงปีหน้า ซึ่งทำให้ความหวังในการผ่อนปรนนโยบายก่อนปี 2568 ลดลง
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 370.46 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 34,070.42 จุด, ดัชนี S&P 500 (.SPX) ร่วง 72.2 จุด หรือ 1.64% สู่ 4,330 จุดและดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ร่วงลง 245.14 จุด หรือ1.82% อยู่ที่ 13,223.99 จุด
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในการซื้อขายที่ผันผวน โดยเพิ่มขึ้นมากถึง 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการห้ามส่งออกเชื้อเพลิงของรัสเซีย ดึงความสนใจจากปัญหาเศรษฐกิจตะวันตกที่กดดันราคาให้ร่วงลง 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นการซื้อขาย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเบรนท์ตกลง 23 เซนต์ปิดที่ 93.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าWest Texas Intermediate ของสหรัฐฯ ตกลง 3 เซนต์ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์
ทองคำยังคงลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกันเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังปรับตัวขึ้นตามคำเตือนของเฟดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ ตกลง 1.4% อยู่ที่ 1,939.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์