ด่วน! ไบเดนประกาศถอนตัว หนุนแฮร์ริส สู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ไบเดน วัย 81 ปี โพสต์บน X  กล่าวว่าเขาจะยังคงอยู่ในฐานะประธานาธิบดีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด จนกว่าวาระของเขาจะสิ้นสุดในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 และจะกล่าวปราศรัยต่อประเทศในสัปดาห์นี้ เขาไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะเลยนับตั้งแต่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังแยกตัวอยู่ที่บ้านพักในเรโฮโบธบีช รัฐเดลาแวร์

โดยข้อความในทวีตระบุว่า

“แม้ผมจะตั้งใจที่จะลงต่อสู้ในการเลือกตั้งใหม่ แต่ผมเชื่อว่ามันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับพรรคและประเทศ ที่จะยืนหยัดและมุ่งความสนใจไปที่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีให้สำเร็จไปตลอดวาระที่เหลืออยู่” 

เจมี แฮร์ริสัน ประธานคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต กล่าวว่าชาวอเมริกันจะได้รับฟังความคิดเห็นจากพรรคเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปและแนวทางการเสนอชื่อในเร็วๆ นี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษที่ประธานาธิบดีผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนตัวจากการเสนอชื่อในพรรค

หากได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ แฮร์ริส วัย 59 ปี อดีตอัยการสูงสุดแห่งแคลิฟอร์เนียและอดีตสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา จะกลายเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ  เธอลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแข่งกับไบเดน แต่ไม่สำเร็จในปี 2020

“ความตั้งใจของฉันคือการได้รับและชนะการเสนอชื่อครั้งนี้” แฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์ “ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรวมพรรคเดโมแครต – และรวมชาติของเรา – เพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์”

การรณรงค์หาเสียงของไบเดนต้องเจอกับปัญหานับตั้งแต่การดีเบตครั้งแรกกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 78 ปี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ซึ่งหลายครั้งที่เขาดูเหมือนจะมีปัญหาด้านความคิดและการแสดงออก

ฝ่ายต่อต้านภายในพรรคของไบเดนได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภา 36 คน หรือมากกว่าหนึ่งในแปด เรียกร้องให้เขายุติการหาเสียงอย่างเป็นทางการ

ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งยอมรับการเสนอชื่อของพรรครีพับลิกันในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบอกกับ CNN เมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาเชื่อว่าแฮร์ริสจะเอาชนะได้ง่ายกว่า

ยังไม่ชัดเจนว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ จะท้าทายแฮร์ริสในการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคหรือไม่ 

การสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนแสดงให้เห็นว่าแฮร์ริสไม่มีผลงานทางสถิติที่ดีไปกว่าไบเดนเมื่อเทียบกับทรัมป์

ในการจับคู่สมมุติฐานแบบตัวต่อตัว แฮร์ริสและทรัมป์เสมอกันด้วยคะแนนสนับสนุน 44% เท่ากันในการสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสเมื่อวันที่ 15-16 ก.ค. ซึ่งดำเนินการทันทีหลังจากการพยายามลอบสังหารทรัมป์เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ทรัมป์นำไบเดน 43% ถึง 41% ในแบบสำรวจเดียวกันนั้น โดยความแตกต่าง 2 เปอร์เซ็นต์ไม่มีความหมายเมื่อพิจารณาจากข้อผิดพลาด 3 จุดของการสำรวจ

ความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ของไบเดน ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สละตำแหน่งตัวแทนชิงประธานาธิบดีของพรรคเพื่อรับการเลือกตั้งใหม่ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2511 โดยเหลือเวลาน้อยกว่าสี่เดือนในการรณรงค์หาเสียง

หากแฮร์ริสเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะถือเป็นการเดิมพันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยพรรคเดโมแครต นั่นคือ ผู้หญิงอเมริกันผิวสีและเอเชียคนแรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งทำเนียบขาวในประเทศที่ได้เลือกประธานาธิบดีคนผิวดำคนหนึ่ง และไม่เคยมีประธานาธิบดีหญิงในประวัติศาสตร์ของประเทศกว่า 2 ศตวรรษ