ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ ตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนกลับเข้าไปช้อนซื้อ

ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน แต่ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปิดตลาดและปิดท้ายด้วยระดับสูงสุดของวัน

ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธแนวคิดที่ว่าข้อมูลการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมที่อ่อนแอเกินคาด หมายความว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่พวกเขายังเตือนด้วยว่าเฟดจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ดังกล่าว

นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 75% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดในการประชุมนโยบายครั้งถัดไปในเดือนกันยายน และโอกาส 25% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุด ตามรายงาน FedWatch Tool ของกลุ่ม CME Group

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 294.39 จุดหรือ 0.76% เป็น 38,997.66 จุด, S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 53.7 จุดหรือ 1.04% ที่ 5,240.03 จุด และ Nasdaq Composite ( .IXIC) สูงขึ้น 166.77 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 16,366.86 จุด

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนในวันจันทร์ เนื่องจากความสนใจของนักลงทุนหันไปที่อุปทานที่ตึงตัว ในขณะที่ตลาดการเงินดีดตัวขึ้น ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดที่ 73.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.36% ขณะที่เบรนต์ปิดที่ 76.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.24% 

ในส่วนของโลหะมีค่า ราคาทองคำร่วงลงเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น แม้ว่าความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดความสูญเสียจำกัด

ราคาทองสปอตลดลง 0.82% สู่ระดับ 2,387.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 0.37% สู่ระดับ 2,392.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์