posttoday

โค้งสุดท้ายหาเสียง ทรัมป์ใช้วาทกรรมรุนแรง แฮร์ริสขอเสียงคนเชื้อสายอาหรับ

04 พฤศจิกายน 2567

คามาลา แฮร์ริส กล่าวปราศรัยปิดท้ายการหาเสียงที่โบสถ์คริสต์ของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และต่อชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับในรัฐสมรภูมิมิชิแกนเมื่อวันอาทิตย์ ในขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้วาทกรรมที่รุนแรงในการปราศรัยที่รัฐเพนซิลเวเนีย

ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีคะแนนคู่คี่กัน โดยรองประธานาธิบดีแฮร์ริส วัย 60 ปี ได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากผู้ลงคะแนนเสียงหญิง ในขณะที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 78 ปี ได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นจากผู้ลงคะแนนเสียงชาวฮิสแปนิก โดยเฉพาะผู้ชาย

 มีชาวอเมริกันกว่า 77 ล้านคนที่ได้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าแล้วก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันอังคาร ตามข้อมูลของห้องปฏิบัติการการเลือกตั้งแห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดา ซึ่งใกล้เคียงครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 160 ล้านคนในปี 2020 ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ

"ในอีกเพียงสองวัน เรามีอำนาจที่จะตัดสินชะตากรรมของประเทศเราสำหรับคนรุ่นต่อไป" แฮร์ริสกล่าวต่อผู้ร่วมพิธีที่โบสถ์ Greater Emmanuel Institutional Church of God in Christ ในดีทรอยต์ "เราต้องลงมือทำ การสวดมนต์อย่างเดียวไม่พอ การพูดคุยอย่างเดียวก็ไม่พอ เราต้องดำเนินการตามแผนที่พระเจ้าทรงมีไว้สำหรับเรา และเราต้องทำให้แผนเหล่านั้นเป็นจริงผ่านการกระทำของเรา ในการตัดสินใจประจำวัน ในการรับใช้ชุมชน และในระบอบประชาธิปไตยของเรา"

โค้งสุดท้ายหาเสียง ทรัมป์ใช้วาทกรรมรุนแรง แฮร์ริสขอเสียงคนเชื้อสายอาหรับ

 

ต่อมาในการปราศรัยที่เมืองอีสต์แลนซิง รัฐมิชิแกน เธอได้กล่าวถึงชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับในรัฐซึ่งมีจำนวน 200,000 คน โดยเริ่มต้นสุนทรพจน์ด้วยการกล่าวถึงพลเรือนผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในกาซาและเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน

"ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบาก เมื่อพิจารณาถึงขนาดของการสูญเสียและการทำลายล้างในกาซา รวมถึงการสูญเสียพลเรือนและการพลัดถิ่นในเลบานอน มันเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ และในฐานะประธานาธิบดี ดิฉันจะทำทุกอย่างในอำนาจของดิฉันเพื่อยุติสงครามในกาซา" แฮร์ริสกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ

เธอต้องเผชิญกับการตั้งข้อสงสัยจากหลายคนที่รู้สึกผิดหวัง ที่แฮร์ริสไม่ได้ทำมากกว่านี้เพื่อช่วยยุติสงครามในกาซาและลดการสนับสนุนอิสราเอล

 

ขณะเดียวกัน ในการปราศรัยครั้งแรกจากสามครั้งในรัฐเพนซิลวาเนียเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์มักจะละทิ้งเทเลพรอมเตอร์และพูดนอกบทบ่อยครั้ง โดยประณามผลสำรวจความคิดเห็นที่แสดงความเคลื่อนไหวสนับสนุนแฮร์ริส เขาเรียกพรรคเดโมแครตว่าเป็น "พรรคปีศาจ" เยาะเย้ยประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และบ่นเรื่องราคาแอปเปิล

ทรัมป์ ซึ่งรอดพ้นจากการพยายามลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม เมื่อกระสุนปืนเฉี่ยวหูของเขาที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ได้บ่นกับผู้สนับสนุนเมื่อวันอาทิตย์เกี่ยวกับช่องว่างในกระจกกันกระสุนที่ล้อมรอบตัวเขาขณะพูด และครุ่นคิดว่าผู้ลอบสังหารจะต้องยิงผ่านสื่อมวลชนเพื่อที่จะเข้าถึงตัวเขา

"ถ้าจะยิงผม ใครสักคนจะต้องยิงผ่านผู้สื่อข่าวจอมปลอม และผมก็ไม่รู้สึกแย่มากนักกับเรื่องนั้น" ทรัมป์กล่าว ซึ่งเขามักจะวิพากษ์วิจารณ์สื่อและพยายามปลุกปั่นความรู้สึกของสาธารณชนให้ต่อต้านสื่อ

 

โค้งสุดท้ายหาเสียง ทรัมป์ใช้วาทกรรมรุนแรง แฮร์ริสขอเสียงคนเชื้อสายอาหรับ

 

ใกล้จบการปราศรัยในเพนซิลเวเนีย ทรัมป์  ซึ่งอ้างว่าการพ่ายแพ้ในปี 2020 เป็นผลมาจากการโกงได้ทำให้ให้ผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าทำเนียบรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021   บอกว่าเขาน่าจะไม่ส่งมอบอำนาจ

"เรามีชายแดนที่ปลอดภัยที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศของเราในวันที่ผมจากไป ผมไม่ควรจะจากไป ผมหมายถึง อย่างจริงใจนะ เพราะเราทำได้ดีมาก เราทำได้ดีมากจริงๆ" ทรัมป์กล่าว

ทรัมป์กล่าวระหว่างการปราศรัยว่าผลการเลือกตั้งควรประกาศในคืนวันเลือกตั้ง แม้จะมีคำเตือนจากเจ้าหน้าที่ในหลายรัฐว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการยืนยันผลลัพธ์สุดท้าย

ขณะที่พรรคเดโมแครตกล่าวว่าพวกเขามีแผนรองรับในกรณีที่ทรัมป์พยายามประกาศชัยชนะก่อน