ไบเดนเร่งกระชับความสัมพันธ์เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ก่อนทรัมป์ขึ้นรับตำแหน่ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หารือผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เวที APEC หวังกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก่อนที่รัฐบาลของทรัมป์จะเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อพันธมิตรทั่วโลก
การประชุมระหว่างสหรัฐฯ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดสองประเทศในเอเชียครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนคาดว่าจะทวีความตึงเครียดมากขึ้นภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม จากนโยบายกีดกันทางการค้า ขึ้นภาษีศุลกากรอย่างรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน
นอกจากนั้น การที่เกาหลีเหนือเพิ่มโครงการอาวุธนิวเคลียร์และส่งกำลังทหารไปยังรัสเซียเพื่อสนับสนุนสงครามในยูเครน ทำให้โอกาสในการยุติความขัดแย้งกับเกาหลีใต้ที่กินระยะเวลาต่อเนื่องมาหลายทศวรรษดูริบหรี่ลง และทวีความตึงเครียดในเอเชียเช่นกัน
ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อประณามการตัดสินใจของผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและรัสเซียอย่างรุนแรง จากการขยายสงครามรุกรานในยูเครนจนอยู่ในระดับอันตราย (ในแถลงการณ์ร่วม อ้างถึงเกาหลีเหนือด้วยชื่อทางการคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี)
การประชุมนี้จัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู ได้นำประธานาธิบดีไบเดน ประธานาธิบดียุน ซอกยอล แห่งเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ แห่งญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม มาพบกันตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก
ภายหลังการประชุม ทั้งสามประเทศได้ประกาศจัดตั้งสำนักเลขาธิการไตรภาคี เพื่อทำให้ความสัมพันธ์เป็นทางการมากขึ้น การผลักดันให้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นร่วมมือกัน ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางการทูตในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสี่ปีที่กำลังจะสิ้นสุดลงของไบเดน เนื่องจากทั้งสองประเทศมีประวัติศาสตร์แห่งความขมขื่นระหว่างกันอันเนื่องมาจากการปกครองอาณานิคมที่โหดร้ายของญี่ปุ่นเหนือเกาหลีระหว่างปี 1910-1945
ทั้งสามประเทศยังให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับฟิลิปปินส์ในหลากหลายภาคส่วนที่สำคัญ รวมถึงด้านท่าเรือ พลังงาน และการขนส่ง ตามแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่หลังการประชุม
ไบเดนมองว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของทั้งสามประเทศ จะเป็นการป้องกันการดำเนินการเชิงรุกของจีนในภูมิภาค ซึ่งเป็นมุมมองที่ปักกิ่งปฏิเสธ ขณะที่ฝั่งประธานาธิบดียุนได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันศุกร์ โดยนายอิชิบะและประธานาธิบดีไบเดนก็มีกำหนดจะพบหารือแบบตัวต่อตัวกับสี จิ้นผิง ระหว่างการประชุมสุดยอด APEC เช่นกัน
"ผมเชื่อจริงๆ ว่าความร่วมมือระหว่างประเทศของเราจะเป็นรากฐานสำหรับสันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิกในอีกหลายปีข้างหน้า" ไบเดนกล่าวขณะเริ่มการประชุมสามฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของทรัมป์ต่อความร่วมมือไตรภาคีระหว่าง สหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ยังเป็นคำถามที่สำคัญในภูมิภาค เนื่องจากแนวทาง "อเมริกาต้องมาก่อน" ของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ สร้างความหวาดระแวงต่อการสนับสนุนทางการเงินและทางทหารของสหรัฐฯ ต่อพันธมิตรดั้งเดิม และความพยายามทางการทูตของเขาเองกับเกาหลีเหนือในช่วงการดำรงตำแหน่งสี่ปีแรก