สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน กดดันตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในภาวะผันผวน

ดาวโจนส์และ S&P 500 พุ่งขึ้นในช่วงสายของการซื้อขาย ดาวโจนส์ปิดสูงขึ้นและ S&P 500 แทบไม่เปลี่ยนแปลง 

 

ดัชนีหุ้นร่วงลงหลังจากมีรายงานระบุว่ายูเครนยิงขีปนาวุธสตอร์มชาโดว์ของอังกฤษโจมตีดินแดนรัสเซีย เมื่อวันอังคาร ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ไปยังรัสเซีย และรัสเซียประกาศว่าได้ลดเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับปฏิบัติการทางนิวเคลียร์แล้ว

 

มาตรวัดความกลัว "fear gauge" ของวอลล์สตรีท (.VIX) เพิ่มขึ้นเป็น 18.79 ก่อนที่จะผ่อนคลายลงเล็กน้อย ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.

 

อย่างไรก็ตาม ทุกสายตาจับจ้องไปที่ Nvidia ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของ S&P 500 (.SPX) ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตามรายงานของ BofA Global Research

 

ดัชนี S&P 500 (.SPX)  เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ 0.00% ปิดที่ 5,916.83 จุด 

ขณะที่ Nasdaq Composite (.IXIC) ลดลง 22.38 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 18,965.59 จุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) เพิ่มขึ้น 138.98 จุดหรือ 0.32% เป็น 43,407.92 จุด

 

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันพุธ หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่การขาดทุนถูกจำกัดด้วยความกังวลเกี่ยวกับสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รัสเซียและยูเครน

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าสำหรับเดือนมกราคมลดลง 50 เซนต์หรือ 0.68% อยู่ที่ 72.81 ดอลลาร์ 

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate ของสหรัฐรอบส่งมอบเดือนธันวาคมหมดอายุลดลง 52 เซนต์หรือ 0.75% อยู่ที่ 68.87 ดอลลาร์ 

ในขณะที่สัญญา WTI รอบเดือนมกราคมลดลง 49 เซนต์หรือ 0.71% อยู่ที่ 68.75 ดอลลาร์

 

ราคาทองคำพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนแสวงหาโลหะที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น

 

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ 2,647.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ในช่วงต้นการซื้อขาย 

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ สูงขึ้น 0.8% ที่ 2,651.70 ดอลลาร์