ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่ง โดยเป็นผลจากหุ้นบริษัทประกันสุขภาพลดหนัก เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ออกร่างกฎหมายที่ถูกมองว่าเป็นการบีบกำไรของพวกเขา

 

รายงานของกระทรวงแรงงานแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน แม้ว่าจะเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาดในวงกว้างก็ตาม

 

ตลาดได้กำหนดราคามากกว่าโอกาส 96% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดในสัปดาห์หน้า เพิ่มขึ้นจากโอกาส 86% ก่อนข้อมูล ตามรายงานของ FedWatch Tool ของ CME 

 

ดัชนี S&P 500 (.SPX) เพิ่มขึ้น 49.21 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 6,084.12 จุด 

ส่วน Nasdaq Composite (.IXIC) เพิ่มขึ้น 347.66 จุด หรือ 1.77% ปิดที่ 20,034.90 จุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 94.48 จุด หรือ 0.21% สู่ 44,153.35 จุด

 

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ในวันพุธ หลังจากสหภาพยุโรปตกลงคว่ำบาตรรอบใหม่ที่จะคุกคามการส่งออกของน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งอาจกระทบอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลก

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สปิดขึ้น 1.33 ดอลลาร์หรือ 1.84% สู่ 73.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.48% เป็น 70.29 ดอลลาร์

 

ทองคำปรับตัวขึ้น หลังจากประกาศอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามการคาดการณ์ ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ในขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ เพื่อหาทิศทางต่อไปเกี่ยวกับนโยบายการเงิน

 

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.9% สู่ระดับ 2,717.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,790.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 31 ต.ค.