ปูตินประกาศรัสเซียพร้อมเจรจากับทรัมป์เพื่อยุติสงครามยูเครน

ปูติน ซึ่งตอบคำถามทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ระหว่างช่วงถามตอบประจำปีกับชาวรัสเซีย กล่าวกับนักข่าวของสถานีข่าวแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ว่าเขาพร้อมที่จะพบกับทรัมป์ ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้พูดคุยด้วยมานานหลายปี

 

เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาสามารถเสนอให้ทรัมป์ได้ ปูตินก็ปฏิเสธอ้างว่ารัสเซียอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ โดยกล่าวว่ารัสเซียแข็งแกร่งขึ้นมากนับตั้งแต่เขาสั่งทหารเข้าสู่ยูเครนในปี 2565

 

“เราพูดอยู่เสมอว่าเราพร้อมสำหรับการเจรจาและการประนีประนอม” ปูตินกล่าว หลังจากกล่าวว่ากองกำลังรัสเซียซึ่งรุกคืบทั่วทั้งแนวรบ กำลังมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายหลักในยูเครน

 

“อีกไม่นานชาวยูเครนที่ต้องการสู้ก็จะหมดลงตามความเห็นของผม อีกไม่นานก็จะไม่มีใครอยากสู้แล้ว เราพร้อมแล้ว แต่อีกฝ่ายต้องพร้อมทั้งการเจรจาและการประนีประนอม”

 

ปูตินกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียไม่มีเงื่อนไขที่จะเริ่มการเจรจากับยูเครน และพร้อมที่จะเจรจากับใครก็ตาม รวมถึงประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แต่เขากล่าวว่าข้อตกลงใดๆ ก็ตามสามารถลงนามได้เฉพาะกับหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมายของยูเครนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เครมลินถือว่าเป็นเพียงรัฐสภายูเครนเท่านั้น

 

สำหรับมอสโก เซเลนสกี ซึ่งมีกำหนดหมดวาระเมื่อต้นปีนี้ แต่ถูกขยายออกไปเนื่องจากกฎอัยการศึก จะต้องได้รับเลือกอีกครั้ง  เพื่อให้เขาสามารถเป็นผู้ลงนามที่ถูกต้องตามกฎหมายในข้อตกลงใดๆ ก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย

 

ปูตินปฏิเสธความคิดที่จะตกลงสงบศึกชั่วคราวกับเคียฟ โดยกล่าวว่าข้อตกลงสันติภาพระยะยาวกับยูเครนเท่านั้น

 

การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2565 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน ทำให้มีผู้พลัดถิ่นหลายล้านคน และก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกวและตะวันตกนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาปี 2505

 

รัสเซีย ซึ่งเรียกการรุกรานครั้งนี้ว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษทางทหาร เพื่อหยุดยั้งการขยายตัวอันเป็นอันตรายของนาโตมาทางทิศตะวันออก สามารถควบคุมพื้นที่ได้ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และได้ยึดครองดินแดนหลายพันตารางกิโลเมตรในปีนี้

 

กองกำลังของมอสโกได้เข้ายึดครองหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าทางตะวันออก และขณะนี้กำลังคุกคามเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่น โปครอฟสค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางถนนสายหลักและทางรถไฟ

 

ปูตินกล่าวว่าการต่อสู้นั้นซับซ้อน ดังนั้นจึง "ยากที่จะคาดเดาสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า... (แต่) เรากำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหลักของเรา ซึ่งเราได้สรุปไว้ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ”