กล่องดำเครื่องเจจูแอร์หยุดทำงาน 4 นาที ก่อนเกิดอุบัติเหตุสลด คร่า 179 ชีวิต
กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ยอมรับ กล่องดำของเครื่องบินเจจูแอร์ หยุดทำงาน 4 นาทีก่อนพุ่งชนกำแพงคอนกรีตจนระเบิด ทำให้ขาดข้อมูลช่วงสำคัญ ขณะญาติผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้สืบสวนโศกนาฏกรรมครั้งนี้อย่างโปร่งใส
กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้เปิดเผยรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินเจจูแอร์ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุทางการบินที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ โดยพบว่าอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินและเสียงในห้องนักบิน หรือที่เรียกว่า "กล่องดำ" หยุดทำงานประมาณ 4 นาทีก่อนที่เครื่องบินจะพุ่งชนโครงสร้างคอนกรีตที่สนามบินมูอัน
เที่ยวบิน 7C2216 ของสายการบินเจจูแอร์ เดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เมืองมูอัน แต่นักบินรายงานว่าเครื่องบินชนนก และประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนเกิดอุบัติเหตุประมาณ 4 นาที
ก่อนหน้านั้น 2 นาที หอควบคุมการจราจรทางอากาศได้แจ้งเตือนเรื่อง "กิจกรรมของนก" ในบริเวณนั้น นักบินตัดสินใจยกเลิกการลงจอดและวางแผนบินวน แต่แทนที่จะบินวน เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 กลับเลี้ยวกลับเข้าสู่รันเวย์จากทิศทางตรงข้าม โดยระบบลงจอดไม่ทำงาน เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์และพุ่งชนกำแพง ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้จนลูกเรือและผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีลูกเรือรอดชีวิตเพียง 2 คนที่นั่งอยู่ส่วนท้ายเครื่อง
กล่องดำของเครื่องบินลำนี้ถูกส่งไปวิเคราะห์ที่สหรัฐอเมริกา หลังจากตรวจพบว่าข้อมูลในช่วงสำคัญหายไป อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่าการที่ข้อมูลหายไปเป็นเรื่องผิดปกติ และอาจเกิดจากระบบไฟฟ้าทั้งหมดถูกตัดขาด ขณะที่ทางการให้ความสนใจกับโครงสร้างกำแพงคอนกรีตที่เครื่องบินชน ซึ่งติดตั้งระบบช่วยนำร่องการลงจอด แต่ตั้งคำถามถึงการออกแบบที่ใช้วัสดุแข็งและตำแหน่งที่ตั้งใกล้รันเวย์
ครอบครัวผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้มีการสืบสวนที่โปร่งใส โดยต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระเข้าร่วมการสอบสวน นอกเหนือจากกระทรวงคมนาคม ทางการยืนยันว่าจะใช้ข้อมูลทั้งหมดที่มีในการสืบสวนและจะแบ่งปันความคืบหน้ากับครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง