แนวโน้มราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น จากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของสหรัฐฯ
ไบเดนทิ้งทวนก่อนหมดวาระ อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย หวังสกัดแหล่งรายได้ทำสงครามยูเครน ส่งผลแนวโน้มราคาน้ำมันโลกพุ่ง จับตาจีนยอมรับหรือไม่
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ได้แก่ Gazprom Neft และ Surgutneftegas รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันจำนวน 183 ลำที่ใช้ในการขนส่งน้ำมันของรัสเซีย มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดแหล่งรายได้ที่รัสเซียนำไปใช้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
การคว่ำบาตรครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าน้ำมันระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากจีนและอินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย จากข้อมูลการวิเคราะห์ระบุว่า ในจำนวนเรือที่ถูกคว่ำบาตร 143 ลำเป็นเรือบรรทุกน้ำมันที่ขนส่งน้ำมันดิบรัสเซียกว่า 530 ล้านบาร์เรลในปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 42 ของการส่งออกน้ำมันดิบทางทะเลทั้งหมดของรัสเซีย โดยประมาณ 300 ล้านบาร์เรลถูกจัดส่งไปยังจีน และส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังอินเดีย
สถิติการนำเข้าน้ำมันในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า อินเดียมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็น 1.764 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือร้อยละ 36 ของการนำเข้าทั้งหมด ในขณะที่จีนมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 อยู่ที่ 99.09 ล้านเมตริกตัน หรือ 2.159 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 20 ของการนำเข้าทั้งหมด
ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรนี้ทำให้ผู้กลั่นน้ำมันในจีนและอินเดียจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งน้ำมันทางเลือกจากภูมิภาคอื่น เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบรนท์ได้แตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนที่มากกว่า 81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
การนำเข้าของจีนส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบ ESPO Blend ของรัสเซีย ซึ่งขายสูงกว่าราคาสูงสุด ขณะที่อินเดียซื้อน้ำมัน Urals เป็นส่วนใหญ่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเป็นไปอย่างเข้มงวด การส่งออกน้ำมันดิบของ ESPO Blend ของรัสเซียจะถูกระงับ แต่จะขึ้นอยู่กับว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรหรือไม่ และจีนยอมรับการคว่ำบาตรหรือไม่ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในตลาดการค้าน้ำมันโลกนี้ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา