จับตา DeepSeek ปรากฏการณ์ Black Monday ครั้งใหม่ในหุ้นเทคโนโลยี?
หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของ DeepSeek โมเดล AI สัญชาติจีน จนสะเทือนความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐ หลายฝ่ายจึงจับตาว่า ปัญหาจะลุกลามเป็น Black Monday ครั้งใหม่หรือไม่
Black Monday หรือ วันจันทร์สีดำ เป็นคำที่ใช้เรียกวันที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอย่างหนักและรวดเร็ว มูลค่าตลาดหายไปเป็นจำนวนมหาศาลในเวลาอันสั้น เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก
Black Monday ครั้งแรก
เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2530 หรือ ค.ศ. 1987 ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกา ปรับตัวลดลงถึง 507.99 จุด คิดเป็นร้อยละ 22.61 ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของดัชนีนี้ และส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตามรอยไปด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิด Black Monday
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ก่อนเกิดเหตุการณ์ Black Monday เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และปัญหาหนี้สินของประเทศกำลังพัฒนาขณะที่นักลงทุนจำนวนมากเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทำให้เกิดฟองสบู่ และเมื่อฟองสบู่แตก ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลานั้น ระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ยังไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบัน ทำให้การขายหุ้นจำนวนมากในเวลาอันสั้นเป็นไปได้ยาก และยิ่งทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำลงไปอีก
Black Monday เกิดขึ้นกี่ครั้ง และครั้งไหนรุนแรงที่สุด?
นอกจาก Black Monday ในปี 1987 แล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่เรียกว่า Black Monday เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลก แต่ความรุนแรงและผลกระทบจะแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้ว เหตุการณ์ที่เรียกว่า Black Monday จะหมายถึงวันที่ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์
Black Monday: ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ว่า Black Monday ในปี 1987 จะเป็นเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุด แต่ก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เช่น
วิกฤตต้มยำกุ้ง (1997): วิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคอย่างรุนแรง ทำให้หลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อสูง และค่าเงินอ่อนค่าลง
วิกฤตดอตคอม (2000): ฟองสบู่ดอตคอมแตก ทำให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกตกอย่างหนัก นักลงทุนสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล
วิกฤตสินเชื่อ subprime (2008): วิกฤตทางการเงินที่เริ่มต้นจากปัญหาสินเชื่อ subprime ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลก และทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
Black Monday ในปี 2024: ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบปัญหาการปรับฐานอย่างรุนแรงในเดือนสิงหาคม 2024 สืบเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและนโยบายการเงินที่เข้มงวด
สาเหตุที่ทำให้เกิด Black Monday
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ: ปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การว่างงานสูง อัตราเงินเฟ้อสูง หรือสงคราม อาจทำให้ผู้คนขาดความเชื่อมั่นในอนาคตและเทขายหุ้น
ฟองสบู่: เมื่อราคาสินทรัพย์สูงเกินจริง และไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เมื่อฟองสบู่แตก ราคาจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว
การเก็งกำไร: การเก็งกำไรที่มากเกินไป อาจทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง และเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น ข่าวร้าย ตลาดก็จะร่วงลงอย่างรุนแรง
ปัจจัยทางเทคนิค: การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการซื้อขายอัตโนมัติ อาจทำให้เกิดการขายหุ้นจำนวนมากในเวลาอันสั้น และยิ่งทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำลงไปอีก
ผลกระทบของ Black Monday
การสูญเสียมูลค่าตลาด: มูลค่าตลาดหุ้นหายไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของนักลงทุนและสถาบันการเงิน
ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ: การตกของตลาดหุ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: หลังจากเกิดเหตุการณ์ Black Monday รัฐบาลหลายประเทศได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมตลาดหุ้นและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
จากกรณีที่ นักลงทุนทั่วโลกทิ้งหุ้นเทคโนโลยี หลังกังวลว่า DeepSeek โมเดลปัญญาประดิษฐ์ของจีน จะคุกคามการครอบงำของผู้นำ AI เช่น Nvidia ส่งผลให้มูลค่าตลาดของผู้ผลิตชิปหายไป 5.93 แสนล้านดอลลาร์ (2 หมื่นล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นการสูญเสียเป็นประวัติการณ์สำหรับบริษัทในวอลล์สตรีท ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq (.IXIC) ซึ่งเน้นเทคโนโลยี ร่วงลงถึง 3.1% ในวันจันทร์ โดยหุ้น Nvidia ได้กลายเป็นตัวฉุดมากที่สุดของ Nasdaq โดยหุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 17%
ขณะที่ มูลค่าการขาดทุนมากที่สุดอันดับถัดไป คือผู้ผลิตชิป Broadcom Inc ซึ่งปิดลดลง 17.4% ตามมาด้วยผู้สนับสนุน ChatGPT คือ Microsoft ซึ่งลดลง 2.1% จากนั้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google (GOOGL.O) ลดลง 4.2%
การลดลงของทุนสหรัฐส่งผลสะเทือนลุกลาม โดยการเทขายที่เริ่มต้นในเอเชีย โดย SoftBank Group ของญี่ปุ่น (9984.T) ลดลง 8.3% และเคลื่อนผ่านยุโรปโดยที่ ASML (ASML.AS) ลดลง 7% ทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับตาว่า วิกฤติครั้งนี้ จะลุกลามต่อเนื่องหรือไม่