ทรัมป์ สั่งคืนชีพหลอดพลาสติก เมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ทรัมป์ลงนามคำสั่งคืนชีพหลอดพลาสติก ยกเลิกนโยบายลดขยะพลาสติกของไบเดน ส่งผลให้หน่วยงานรัฐต้องยุติการใช้หลอดกระดาษทันที ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้ยกเลิกมาตรการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยมุ่งเป้ายุติการเปลี่ยนผ่านไปสู่หลอดกระดาษ ซึ่งเป็นนโยบายที่ริเริ่มโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที และกำหนดให้หน่วยงานของรัฐยุติการซื้อหลอดกระดาษ พร้อมทั้งหากลยุทธ์กำจัดหลอดกระดาษทั่วประเทศ
ทรัมป์กล่าวว่า เขาเคยใช้หลอดจากกระดาษมาแล้วหลายครั้ง ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นบอกเขาว่า “มันใช้ไม่ได้” เนื่องจากหลอดแบบนั้นหัก ขาด และเปื่อย หรือถึงขั้นระเบิด เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อีกทั้งหลอดกระดาษไม่สามารถทนต่อเครื่องดื่มที่มีความร้อนจัดได้ การใช้หลอดที่ทำจากกระดาษ “เป็นประสบการณ์ที่ตลกมาก”
เมื่อมีการซักถามเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า โดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่า หลอดพลาสติกจะสร้างผลกระทบให้กับฉลามตัวใด หากมันเผลอกินหลอดพลาสติกเข้าไป
การถอยหลังของนโยบายสิ่งแวดล้อม
ก่อนหน้านี้ ในปี 2024 โจ ไบเดนได้กำหนดให้รัฐบาลกลางลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยตั้งเป้าหมายให้ภาครัฐยุติการใช้พลาสติกประเภทนี้ภายในปี 2027 และขยายสู่ทุกภาคส่วนภายในปี 2035 แต่มาตรการดังกล่าวถูกยกเลิกโดยทรัมป์ ซึ่งมองว่าหลอดกระดาษเป็นผลิตภัณฑ์ที่ "ไม่มีประสิทธิภาพ" และ "ไม่สะดวกต่อผู้บริโภค"
“เรากำลังจะกลับไปใช้หลอดพลาสติก” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาว พร้อมอ้างว่าหลอดกระดาษมีปัญหาด้านคุณภาพและไม่สามารถรองรับเครื่องดื่มร้อนได้ดีพอ
กระแสตอบรับและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การตัดสินใจของทรัมป์ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกให้การสนับสนุน ในขณะที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรและไมโครพลาสติกที่อาจปนเปื้อนในระบบนิเวศและแหล่งน้ำ
จากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ปัจจุบันมีการผลิตพลาสติกทั่วโลกกว่า 460 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมลภาวะทางทะเลและปัญหาสุขภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บางการศึกษาชี้ให้เห็นว่าหลอดกระดาษอาจมีสาร PFAS ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายทศวรรษ
อนาคตของนโยบายพลาสติกในสหรัฐฯ
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับรัฐบาลกลาง แต่หลายรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย ออริกอน นิวเจอร์ซีย์ และซีแอตเทิล ยังคงเดินหน้าจำกัดการใช้หลอดพลาสติกต่อไป นอกจากนี้ ธุรกิจและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมยังคงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคเอกชน
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม การตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการถกเถียงใหม่เกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการลดมลภาวะพลาสติก ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ทรัมป์เป็นผู้วิจารณ์หลอดกระดาษมาอย่างยาวนาน
ในช่วงหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 2 ในปี 2020 ซึ่งสุดท้ายเขาก็แพ้ไปนั้น หลอดพลาสติกที่ตีตรา "ทรัมป์" ถูกขายในราคา 15 ดอลลาร์ต่อแพ็ค 10 ชิ้น เพื่อทดแทนหลอดกระดาษที่เขาเรียกว่า "เสรีนิยม"
โดยรวมแล้ว มีรายงานว่าในช่วงหาเสียงนั้น ยอดขายหลอดพลาสติกได้เกือบ 500,000 ดอลลาร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกเท่านั้น
สถิติบางส่วนระบุว่าจำนวนหลอดดูดน้ำแบบใช้แล้วทิ้งที่ใช้ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 500 ล้านหลอดต่อปี แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก แต่ตัวเลขที่แท้จริงอาจอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่ง เมืองและรัฐหลายแห่งในสหรัฐฯ รวมถึงซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และนิวเจอร์ซี ได้นำกฎเกณฑ์ที่จำกัดการใช้หลอดพลาสติกมาใช้ หรือกำหนดให้ธุรกิจจัดหาหลอดพลาสติกให้ก็ต่อเมื่อลูกค้าร้องขอเท่านั้น