ตลาดรถยนต์ระส่ำ ทรัมป์ยืนยันจะเก็บภาษี 25% สำหรับรถนำเข้า

“สิ่งที่เรากำลังจะทำคือขึ้นภาษี 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ” ทรัมป์ประกาศจากห้องทำงานรูปไข่

 

ทรัมป์ ซึ่งมองว่าภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือในการเพิ่มรายได้เพื่อชดเชยการลดภาษีที่เขาสัญญาไว้ และเพื่อฟื้นฟูฐานอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่ลดลงมายาวนาน กล่าวว่า การเก็บภาษีจะเริ่มในวันที่ 3 เมษายน หนึ่งวันหลังจากที่เขาวางแผนที่จะประกาศการเก็บภาษีต่างตอบแทน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่รับผิดชอบต่อการขาดดุลการค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ

 

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า "ไม่ดีต่อธุรกิจ และแย่กว่าสำหรับผู้บริโภค"

 

ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็น "การโจมตีโดยตรง" ต่อคนงานชาวแคนาดา

 

ขณะสหภาพแรงงานผลิตรถยนต์ United Auto Workers ซึ่งวิจารณ์ข้อตกลงการค้าเสรีว่า ได้ทำลายงานของชาวอเมริกันมายาวนาน ยกย่องนโยบายนี้

 

“ภาษีเหล่านี้เป็นก้าวสำคัญในทิศทางที่ถูกต้องสำหรับคนงานด้านยานยนต์และชุมชนคนทำงานทั่วประเทศ และขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่ Big Three ไปจนถึง Volkswagen และที่อื่นๆ จะต้องนำงานที่ดีของสหภาพแรงงานกลับมาสู่สหรัฐฯ” Shawn Fain ประธาน UAW กล่าวในแถลงการณ์

 

หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ร่วงลงในการซื้อขายนอกเวลาทำการและดัชนีหุ้นล่วงหน้าของสหรัฐฯ ร่วงลง บ่งชี้ว่าหุ้นกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเปิดตลาดที่ลดลงในวันพฤหัสบดี

 

สิ่งที่บ่งบอกถึงความเร่งรีบในการจัดเก็บภาษีใหม่ คือ คำสั่งของทรัมป์จะมีข้อยกเว้นชั่วคราวสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจัดการกับความซับซ้อนในการเปลี่ยนคำประกาศของเขาให้เป็นการปฏิบัติ

 

ยกเว้นในตอนนี้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ที่สอดคล้องกับข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดาที่ทรัมป์เจรจาในช่วงการดำรงตำแหน่งวาระแรก จะยังคงได้รับการยกเว้นภาษีชั่วคราว

 

สหรัฐฯ นำเข้าผลิตภัณฑ์ยานยนต์มูลค่า 474 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 รวมถึงรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมูลค่า 220 พันล้านดอลลาร์ เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และเยอรมนี ล้วนเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ล้วนเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุด

 

ก่อนการประกาศของทรัมป์ หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ลดลง จากความกังวลว่าภาษีศุลกากรจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ที่กำลังสั่นคลอนจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากการขู่ว่าจะขึ้นภาษีอย่างรวดเร็วของทรัมป์ และการปรับเปลี่ยนนโยบายอยู่หลายครั้ง

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปิดลดลงเช่นกันเนื่องจากความกังวลเรื่องภาษีศุลกากร ซึ่งกดดันนักลงทุนส่วนใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ดัชนีมาตรฐาน S&P 500 ลดลง 1.1% ก่อนงานแถลงข่าว และลดลงมากกว่า 4% ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานรายเดือนที่แย่ที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี