ผลสำรวจเผย ความนิยมทรัมป์ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เซ่นปมภาษี

จากผลสำรวจล่าสุดของ CNBC All-America Economic Survey ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับตัวเลขความนิยมในการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาตลอดช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

 

ท่ามกลางความไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดการปัญหาต่างๆ เช่น ภาษีนำเข้า ภาวะเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของภาครัฐ

 

ผลสำรวจชี้ว่า ปัจจุบันชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะแย่ลง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2023 และยังแสดงความรู้สึกในแง่ลบต่อตลาดหุ้น

 

การสำรวจสอบถามชาวอเมริกัน 1,000 คนทั่วประเทศ พบว่าในภาพรวม ทรัมป์ได้รับคะแนนเห็นชอบ 44% และไม่เห็นชอบ 51% ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลสำรวจสุดท้ายของ CNBC ก่อนที่เขาจะพ้นจากตำแหน่งในปี 2020 

 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะจงที่ด้านเศรษฐกิจ มีผู้เห็นชอบเพียง 43% และไม่เห็นชอบถึง 55% ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ไม่เห็นชอบด้านเศรษฐกิจของทรัมป์สูงกว่าผู้เห็นชอบ (net negative) ในการสำรวจของ CNBC ระหว่างที่เขายังคงอยู่ในฐานะประธานาธิบดี

 

แม้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันยังคงให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น แต่กลุ่มพรรคเดโมแครตและผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระกลับมีมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

โดยผลต่างสุทธิระหว่างผู้เห็นชอบและไม่เห็นชอบในกลุ่มเดโมแครตติดลบถึง -90 ซึ่งแย่ลงจากค่าเฉลี่ยในช่วงสมัยแรกของทรัมป์ถึง 30 จุด

 

ขณะที่กลุ่มคนใช้แรงงาน ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของทรัมป์ ก็มีผู้ไม่เห็นชอบด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 14 จุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงสมัยแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง

เจย์ แคมป์เบลล์ จาก Hart Associates ซึ่งเป็นผู้สำรวจความคิดเห็นในฝั่งพรรคเดโมแครต ให้ความเห็นว่าประชาชนเลือกทรัมป์เข้ามาเพื่อหวังให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ผลสำรวจชี้ว่าประชาชนยังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 เมษายน โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 3.1%

 

ความไม่พอใจต่อภาษีตอบโต้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้คะแนนความนิยมของทรัมป์ดิ่งฮวบ โดย 49% ของประชาชนไม่เห็นชอบกับการเก็บภาษีนำเข้าแบบเหมารวมทั้งหมด

 

ขณะที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าภาษีเหล่านี้ส่งผลเสียต่อคนงานอเมริกัน เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโดยรวม 

 

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าแคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่าภัยคุกคาม และมีมุมมองเชิงบวกต่อประเทศเหล่านี้มากขึ้นกว่าในสมัยแรกของทรัมป์ 

 

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามมากกว่าโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

 

ในทางกลับกัน ประเด็นที่ทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมดีที่สุดคือการจัดการปัญหาการเข้าเมือง โดยเฉพาะการจัดการชายแดนทางใต้และการเนรเทศผู้อพยพที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 

 

ในส่วนของตลาดหุ้น ชาวอเมริกันมีมุมมองเชิงลบมากขึ้น โดย 53% มองว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการลงทุน 

 

ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า จนถึงขณะนี้ ดูเหมือนว่าทรัมป์จะสามารถโน้มน้าวได้เพียงฐานเสียงของเขาเท่านั้นที่เชื่อว่านโยบายเศรษฐกิจของเขาจะส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาว 

 

ทั้งนี้ แม้คะแนนนิยมด้านเศรษฐกิจของทรัมป์จะลดลงอย่างมาก แต่ผลสำรวจนี้ยังไม่บ่งชี้ว่าพรรคเดโมแครตจะได้กุมความได้เปรียบในสภา โดยสัดส่วนผู้สนับสนุนของทั้งสองพรรคยังคงใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างจากผลสำรวจก่อนหน้านี้