posttoday

ทรัมป์ท่าทีอ่อนลง อ้างไม่คิดไล่ออกประธานเฟด แย้มเจรจากับจีน

23 เมษายน 2568

ทรัมป์ใส่เกียร์ถอยประเด็นขู่ปลด เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed อ้างแค่อยากให้ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น เผยท่าทีรอมชอมกับจีนเรื่องภาษีมากขึ้น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าเขา "ไม่มีความตั้งใจที่จะไล่" เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นการถอยจากท่าทีแข็งกร้าวก่อนหน้านี้ ที่เคยโพสต์ว่าการสิ้นสุดตำแหน่งของพาวเวลล์ "ยังไม่เกิดขึ้นเร็วพอ"

 

"ผมอยากเห็นเขามีความกระตือรือร้นมากขึ้นอีกเล็กน้อยในแง่ของแนวคิดในการลดอัตราดอกเบี้ย" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่

 

ตลาดการเงินตอบรับในเชิงบวกต่อการลดความรุนแรงดังกล่าว โดยดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นพุ่งขึ้น 1.8% เมื่อกลับมาซื้อขายในเย็นวันอังคาร หลังจากที่หุ้น พันธบัตร และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงในวันจันทร์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง

 

ในการให้สัมภาษณ์เดียวกัน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงการค้ากับจีนที่กำลังเจรจาอยู่จะนำไปสู่การลดภาษีนำเข้าสินค้าจีน "อย่างมาก" แม้ว่าจะไม่ลดลงเป็นศูนย์ก็ตาม

 

ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับพาวเวลล์มีมาตั้งแต่สมัยแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งที่ทรัมป์เป็นผู้แต่งตั้งพาวเวลล์เองจากตำแหน่งกรรมการ Fed ขึ้นเป็นประธาน แต่ต่อมากลับรู้สึกไม่พอใจกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ทรัมป์ท่าทีอ่อนลง อ้างไม่คิดไล่ออกประธานเฟด แย้มเจรจากับจีน

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าประธานาธิบดีมีอำนาจปลดประธาน Fed หรือไม่ กฎหมาย Federal Reserve Act ปี 1913 กำหนดว่าผู้ว่าการ Fed ทั้ง 7 คนซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 14 ปี จะถูกถอดถอนได้เฉพาะเพราะ "สาเหตุ" เท่านั้น (เช่น การประพฤติมิชอบ) ไม่ใช่ความขัดแย้งทางนโยบาย แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุข้อจำกัดเดียวกันสำหรับตำแหน่งประธาน Fed ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี

 

ปัจจุบัน Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เมื่อปลายปีที่แล้วสู่ระดับ 4.25% ถึง 4.50% แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการประชุมสองครั้งล่าสุดนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่ง ผู้กำหนดนโยบายของ Fed กังวลว่ามาตรการเก็บภาษีใหม่ของทรัมป์อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็อาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มอัตราการว่างงาน

 

ผู้ค้าในตลาดการเงินคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณสามในสี่ครั้งภายในสิ้นปีนี้ หลังจากได้ฟังคำแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์