นักเศรษฐศาสตร์โนเบลชี้ ทรัมป์ไม่มีทางชนะสงครามการค้ากับจีน
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ชี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่สามารถเอาชนะจีนในสงครามการค้า เนื่องจากจีนมีข้อได้เปรียบมากกว่าหลายด้าน
ในบล็อกส่วนตัว พอล ครุกแมน วิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรง เมื่อรัฐบาลจีนตอบโต้การขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ด้วยการระงับการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กหายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่และการทหาร ในขณะเดียวกัน การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรปก็ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้า
ครุกแมนชี้ให้เห็นว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ไม่เข้าใจหลักการพื้นฐานของการค้าระหว่างประเทศ โดยอธิบายว่า "การค้าไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณขายได้ แต่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถซื้อได้" ประโยชน์ที่แท้จริงของการค้าระหว่างประเทศคือความสามารถในการนำเข้าสินค้าที่อาจมีราคาแพงหรือไม่สามารถผลิตในประเทศได้
การวิเคราะห์ของครุกแมนชี้ให้เห็นว่าจีนมีอำนาจต่อรองมากกว่าด้วยเหตุผลหลายประการ:
-การส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังจีนส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร ซึ่งจีนสามารถหาซัพพลายเออร์ทดแทนได้ง่าย เช่น ซื้อถั่วเหลืองจากบราซิลแทนไอโอวา
-ในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ จะประสบความยากลำบากในการหาแหล่งทดแทนสินค้านำเข้าจากจีน โดยเฉพาะปัจจัยการผลิตทางอุตสาหกรรม ซึ่งการขึ้นภาษีจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 และอาจนำไปสู่การขาดแคลนสินค้าและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ครุกแมนยังไม่เชื่อว่าแผนของสหรัฐฯ ในการใช้การเจรจาการค้าเพื่อแยกจีนออกจากพันธมิตรการค้าจะประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุผลสำคัญ 4 ประการ:
1.การบริหารนโยบายการค้าของทรัมป์ขาดความชัดเจนและความสอดคล้อง โดยเจ้าหน้าที่ต่างคนต่างนำเสนอแนวคิดที่ขัดแย้งกันเอง
2.สหรัฐฯ สูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าโลก เนื่องจากทรัมป์มีประวัติการฉีกข้อตกลงการค้าที่มีอยู่และเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน
3.ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมรัฐบาลยุโรปจึงต้องการเข้าร่วมสงครามการค้ากับจีนและเสี่ยงทำลายห่วงโซ่อุปทานของตนเอง
4.จีนมีความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจมากกว่า สามารถชดเชยการสูญเสียการส่งออกด้วยการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบได้ อีกทั้งรัฐบาลจีนไม่ต้องกังวลเรื่องการเลือกตั้ง
นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลรายนี้สรุปว่า การล่มสลายของระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ยังส่งผลให้ประเทศสูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลก ทำให้ยากที่จะหาพันธมิตรในการเผชิญหน้ากับจีน "ใครอยากเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลแบบนี้? ใครจะไว้วางใจ?" ครุกแมนตั้งคำถาม