ไฟดับครั้งใหญ่ในสเปน-โปรตุเกส สะท้อนจุดอ่อนสังคมสมัยใหม่
เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย ส่งผลให้สเปนและโปรตุเกสโกลาหลอย่างหนัก เผยความเปราะบางของสังคมสมัยใหม่ที่พึ่งพาระบบไฟฟ้าและเทคโนโลยีอย่างสิ้นเชิง
ความโกลาหลเริ่มต้นในชั่วพริบตา
เหตุการณ์ไฟฟ้าดับเริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยส่งผลกระทบรุนแรงต่อเมืองใหญ่หลายแห่งที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของยุโรปตอนใต้ ทั้งมาดริด ลิสบอน บาร์เซโลนา เซบีญา และบาเลนเซีย
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความสับสนวุ่นวายได้แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ชีวิตประจำวันของผู้คนหลายสิบล้านคนต้องหยุดชะงักทันที ขณะเดียวกัน:
-ชาวเมืองต้องหันมาใช้เงินสดแทนบัตรเครดิต เนื่องจากระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ล่ม
-ตำรวจต้องใช้สัญญาณมือในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแทนสัญญาณไฟ
-ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าจำนวนมากต้องปิดให้บริการ
-หน้าจอตู้เอทีเอ็มว่างเปล่า ประชาชนไม่สามารถถอนเงินได้
-การเชื่อมต่อ Wi-Fi และโทรศัพท์ล้มเหลว ตัดขาดการติดต่อสื่อสาร
ความวุ่นวายที่สนามบินและระบบขนส่ง
ภาคการขนส่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในสนามบินสำคัญของสเปนและโปรตุเกส ซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในสหภาพยุโรป:
-เที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวต้องยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างกะทันหัน
-ผู้โดยสารนับร้อยต้องยืนต่อแถวในความมืด โดยไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือระบบน้ำประปา
-ร้านค้าภายในสนามบินรับชำระเฉพาะเงินสดเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประสบปัญหา
ระบบรถไฟก็ไม่ต่างกัน:
-ชาวสเปนราว 35,000 คนติดอยู่บนรถไฟมากกว่า 100 ขบวน
-ความมืดมิดปกคลุมอุโมงค์รถไฟใต้ดิน ทางเข้าสถานีถูกปิดล้อมด้วยเทปห้ามเข้า
-รถไฟระยะกลางและระยะไกลไม่สามารถให้บริการได้จนถึงวันถัดไปเป็นอย่างน้อย
ภาพสะท้อนความตื่นตระหนกของสังคม
ด้วยความไม่แน่นอนว่าไฟฟ้าจะกลับมาเมื่อใด ผู้คนจำนวนมากในกรุงมาดริดแห่กันไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อตุนสิ่งของจำเป็น เช่น น้ำ ไข่ นม และอาหารกระป๋อง สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนกและการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่แน่นอน
เหตุการณ์น่าสลดใจเกิดขึ้นเมื่อหลายคนติดอยู่ในลิฟต์เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในมาดริดที่นักดับเพลิงต้องเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุติดค้างในลิฟต์ถึง 174 ครั้ง
แม้แต่วงการกีฬาก็ไม่รอด เมื่อการแข่งขันเทนนิสรายการ Madrid Open ต้องยุติลงกะทันหันและแฟนๆ ต้องเดินออกจากสนามในความมืด
การรับมือกับภาวะฉุกเฉิน
แม้จะเผชิญกับความวุ่นวาย แต่ระบบสำคัญบางส่วนยังคงทำงานได้
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสเปนยังสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติของโปรตุเกสได้ใช้แผนฉุกเฉิน โดยให้ระบบโทรศัพท์และระบบสารสนเทศทำงานผ่านเครื่องปั่นไฟสำรอง
บทเรียนสำคัญสำหรับทุกประเทศ
แม้ว่าไฟฟ้าส่วนใหญ่จะกลับมาใช้งานได้แล้ว แต่ผลกระทบระยะยาวยังคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะประเมินได้ครบถ้วน โดยเฉพาะในภาคการขนส่งและการท่องเที่ยว ที่ความล่าช้าของเที่ยวบินอาจยืดเยื้อไปตลอดทั้งสัปดาห์
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกประเทศทั่วโลก ในการทบทวนความพร้อมรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน และความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานในสังคมสมัยใหม่ที่พึ่งพาเทคโนโลยีอย่างสิ้นเชิง การพึ่งพาเทคโนโลยีและระบบไฟฟ้าที่มากเกินไปโดยปราศจากแผนสำรองที่เพียงพอ สามารถนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาลได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ควรถือเป็นกรณีศึกษาในการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นและพึ่งพาระบบไฟฟ้าในทุกมิติของการดำเนินชีวิต