เตือนคนไทยไปบาห์เรนหลังเหตุชุมนุมทวีความรุนแรง

กต.เตือนคนไทยเดินทางไปบาห์เรนให้พิจารณาตามจำเป็นพร้อมเตรียมแผนอพยพทางเครื่องบิน-เรือ หลังสถานการณ์ชุมนุมใน มานามา ทวีความรุนแรงขึ้น

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 16 มี.ค. กระทรวงต่างประเทศ (กต.) ได้เผยแพร่ประกาศเตือนคนไทยที่จะเดินทางไป ประเทศบาห์เรนให้พิจารณาเฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น หลังจากที่เหตุชุมนุมประท้วงในบาห์เรนทวีความรุนแรงขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคนไทยในบาห์เรน

ประกาศยังระบุอักว่า ขอให้ผู้ที่เดินทางไปบาห์เรนแล้วหรือพำนักในบาห์เรนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในเขตใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง

สำหรับการเตรียมการให้ความช่วยเหลือคนไทย กต.ได้แจ้งให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ติดต่อเครือข่ายและชมรม/สมาคมคนไทยในการประสานกับคนไทยทั้งหมดในบาห์เรนซึ่งมีประมาณ 3,306 คนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์การชุมนุมประท้วง โดยแจ้งเตือนให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ที่มีการชุมนุม พร้อมทั้งขอให้คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามหากเหตุการณ์ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง กต.ได้กำหนดให้มีแผนอพยพในเบื้องต้น ดังนี้

1. ทางอากาศ โดยเครื่องบินพาณิชย์หรือการเช่าเหมาลำจากกรุงมานามาไปดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือกาตาร์ และเดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบินไทย

2. ทางเรือ โดยการเช่าเหมาลำเรือไปรับคนไทยที่ท่าเรือ Mina Salman หรือท่าเรือ Khalifa ทั้งนี้ การอพยพโดยทางรถยนต์ อาจไม่สะดวก เนื่องจากมีสะพานเพียงแห่งเดียวที่เชื่อมไปยังซาอุดิอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตฯ อาจจำเป็นต้องปรับแผนอพยพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

บาห์เรนเดือดเจ้าหน้าที่ปะทะม็อบต่อต้านรัฐบาล

ด้านสถานการณ์การชุมนุมในบาห์เรน ล่าสุดกองทัพบาห์เรนและกองกำลังรักษาความมั่นคง เปิดฉากปะทะและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหลายร้อยคนที่ร่วมชุมนุมบริเวณจัตุรัสเพิร์ล ใจกลางกรุงมานามา รวมทั้งมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ พร้อมกับเกิดกลุ่มควันสีดำขึ้นที่บริเวณจตุรัส

สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัลคอลิฟะห์ ของบาห์เรน ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อรับมือกับการประท้วงและสถานการณ์ความไม่สงบซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยภายหลังการประกาศได้เกิดเหตุปะทะลุกลามไปทั่วประเทศ ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และพบผู้บาดเจ็บกว่า 200 คนขณะที่ทางการซาอุดิอาระเบียแจ้งว่า ทหารเสียชีวิต 1 นาย

ทั้งนี้รัฐบาลบาห์เรนมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการกองทัพในดำเนินการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นชาวมุสลิมชีอะห์ โดยเกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ ซาอุดีอาระเบีย และชาติแถบอ่าวเปอร์เซีย ได้ส่งทหารจำนวนกว่า 1,000 นาย เข้าไปยังบาห์เรนเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยรัฐบาลบาห์เรน ปราบปรามกลุ่มประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการส่งกองทัพข้ามแดนครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในเขตอาหรับ ในระหว่างที่เกิดเหตุความวุ่นวายทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่ สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสหรัฐออกมาเตือนเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว