posttoday

พาหิยทารุจีริยะอัจฉริยะพระตรัสรู้เร็วที่สุด

12 มิถุนายน 2554

ในสาวกของพระพุทธเจ้ามีพระรูปหนึ่งที่ตรัสรู้เร็วที่สุดกว่าพระทั้งปวง

ในสาวกของพระพุทธเจ้ามีพระรูปหนึ่งที่ตรัสรู้เร็วที่สุดกว่าพระทั้งปวง

คือเพียงแค่ฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าเพียงย่อๆ ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ในทันที พระรูปที่ว่าคือ “พระพาหิยทารุจีริยะ”

พลังแห่งความปรารถนาที่ตั้งไว้ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ปทุมมุตตระ” ทำให้ท่านกลายเป็นพระที่ตรัสรู้เร็วที่สุดกว่าใครในโลก โดยในสมัยนั้นเกิดในตระกูลพราหมณ์ วันหนึ่งเกิดอยากฟังธรรมจึงไปวัด ซึ่ง ณ เวลานั้น พระปทุมุตตระพุทธเจ้ากำลังสถาปนาพระรูปหนึ่งไว้ในเอตทัคคะกว่าภิกษุทั้งหลาย ด้าน “ขิปปาภิญญา” หรือ ผู้ตรัสรู้ได้เร็วไวก่อนใครทั้งหมด

พาหิยะปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้าง

เขาจึงได้ถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นมุขตลอด 7 วัน วันสุดท้ายได้หมอบแทบพุทธบาท กราบทูลขอพรว่า เมื่อ 7 วันก่อนทรงสถาปนาพระรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุขิปปาภิญญา ในอนาคตกาลข้าพระองค์ขอเป็นเหมือนภิกษุรูปนั้นบ้าง พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูก็ทรงทราบว่าความปรารถนาของเขาจักบรรลุผลจึงทรงพยากรณ์ ว่าในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคดม จักเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายที่ตรัสรู้เร็วกว่าใคร

ต่อมาในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้าได้ออกบวชหลังพุทธปรินิพพานแล้ว และเมื่อศาสนาใกล้เสื่อม เขาและภิกษุอีก 6 รูป จึงพากันไปปฏิบัติธรรมภูเขาสูงลูกหนึ่งโดยตั้งใจว่าจะไม่ลงมาหากไม่ได้บรรลุ ปรากฏผู้อาวุโสสุดได้บรรลุพระอรหันต์ในคืนนั้น อีก 23 วันต่อมารูปหนึ่งสำเร็จอนาคามี ส่วนที่เหลือ 5 รูปรวมเขาด้วยวันที่ 7 แล้วยังไม่บรรลุอะไร จึงมรณภาพไปเกิดในเทวโลก

ต่อมาในสมัยพระพุทธเจ้าปัจจุบันคือพระโคดม เขาได้บังเกิดในตระกูลพ่อค้าชื่อว่า “พาหิยะ” โตขึ้นก็ไปทำการค้าขายทางเรือประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากมาย แต่วันหนึ่งเรือเกิดอับปางทุกคนตายหมด เขาคนเดียวอาศัยแผ่นกระดานรอดชีวิตมาได้โดยนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด รู้สึกตัวก็เกิดความละอายจึงไปหักเอาก้านไม้เอาเปลือกมาพันตัว ชาวบ้านเห็นก็คิดว่าเป็นอรหันต์จึงนำของไปถวาย

เขาเข้าใจว่าที่ชาวบ้านถวายของเพราะตนนุ่งผ้าเปลือกไม้ ฉะนั้นถึงชาวบ้านจะเอาผ้ามาถวายก็ไม่รับ ทำให้ชาวบ้านศรัทธามากขึ้น พร้อมกับตั้งตนเป็นอรหันต์จนพระเถระพระอนาคามีที่เคยเป็นเพื่อนลงมาเตือน พร้อมให้ไปพบพระอรหันต์จริง คือพระพุทธเจ้าที่เมืองสาวัตถี พอได้ยิน “อรหันต์” ก็รีบไปทันทีถึงสาวัตถีในคืนเดียวด้วยอานุภาพเทวดา

เขาเดินเข้าวัดเชตวันไม่พบพระพุทธเจ้า ก็ดิ่งไปในตัวเมืองสาวัตถีพบกำลังทรงบิณฑบาตอยู่ ดีใจมากก็ขอให้แสดงธรรมโปรด แต่ถูกปฏิเสธถึง 2 ครั้ง พอครั้ง 3 พระพุทธองค์ทรงดำริว่า ที่ห้ามเพราะพาหิยะมีปีติท่วมท้น ซึ่งถ้าฟังธรรมจักไม่อาจบรรลุธรรมได้ อีกอย่าง พาหิยะกระวนกระวายอยากฟังธรรมมาก

ครั้งที่ 3 ทรงเห็นความแกร่งกล้าในอินทรีย์ของเขา ขณะทรงยืนอยู่ในระหว่างทางก็ได้ทรงแสดงธรรมโดยย่อว่า เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง พาหิยะเธอพึงศึกษาอย่างนี้ ในกาลใดเมื่อเธอเห็นจักเป็นสักว่าเห็น ฯลฯ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้นเธอย่อมไม่มี ในกาลใดเธอไม่มี ในกาลนั้นเธอย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์

เพียงแค่ฟังธรรมเท่านั้นเขาก็ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา 4 พร้อมขอบวชกับพระพุทธเจ้า แต่เนื่องจากยังไม่มีบาตรและจีวร พระพุทธเจ้าจึงให้ไปหามา แต่น่าเสียดายระหว่างทางท่านโดนแม่วัวขวิดตายเสียก่อน