หลากหลายอย่างเป็นหนึ่ง ‘ศรุต มงคลโกศล’
ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี ตอนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม หากหมุนวิทยุไปที่คลื่น SEED 97.5 FM จะต้องเจอกับหนุ่มคนนี้ “ดีเจต้น ศรุต มงคลโกศล”
ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี ตอนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม หากหมุนวิทยุไปที่คลื่น SEED 97.5 FM จะต้องเจอกับหนุ่มคนนี้ “ดีเจต้น ศรุต มงคลโกศล”
โดย... ณัฐพล ดวงสมร
ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี ตอนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม หากหมุนวิทยุไปที่คลื่น SEED 97.5 FM จะต้องเจอกับหนุ่มคนนี้ “ดีเจต้น ศรุต มงคลโกศล”
เห็นอยู่หลังไมค์พูดจาคล่องแคล่ว แต่ต้นกล่าวว่า คนอื่นมักมองว่าเขาเป็นคนหยิ่ง ไม่สนใจใคร ยิ่งตัวสูงด้วยแล้ว ระดับสายตาก็พลอยสูงกว่าคนอื่นๆ ไปด้วย เวลามองก็เหมือนจะมองข้ามหัวคนอื่น ไม่สนใจใคร
“แต่กับเพื่อนสนิท พวกเขาชอบบอกว่าผมกวนสุดๆ ตอนนี้ก็ยังมีไปเจอเพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันบ้าง เวลาที่นัดกันไปเตะบอลทุกวันพุธ เดี๋ยวนี้โชคดีที่มีสนามเปิดให้เช่าตอนดึกๆ มากขึ้น ผมเล่นบอลเหมือนกับเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง จะเล่น 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผมเป็นกองหน้า ทีมโปรดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สนามที่เตะประจำชื่ออาร์เซนอล” เขากล่าวพร้อมหัวเราะ ก็สองทีมนี้เขากำลังฟาดฟันล่าตำแหน่งจ่าฝูงกันอยู่
นอกจากกีฬาฟุตบอลที่ทำให้เขาฟิตแอนด์เฟิร์มตลอดเวลาแล้ว ยังชอบว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส ส่วนสิ่งที่ทำเสมอยามว่างคือ ดูหนัง ฟังเพลง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ต้องใช้ในการประกอบอาชีพ มีคนเคยบอกว่าโอกาสมีอยู่ทุกที่ และดูเหมือนว่าคำนั้นมันก็มาหาเขาอย่างคาดไม่ถึง
“ต้นเข้ามาเป็นดีเจด้วยเหตุบังเอิญ พอดีว่ารุ่นพี่ของเพื่อนที่สนิทกันเขารู้จักกับคนภายใน ตอนนั้นอยากหาดีเจ เพราะซี้ดจะเปิดเม็ท 107 ด้วย ระหว่างที่เขารอเพื่อนต้น ก็ไปกินข้าวกัน คุยกัน พี่เขาก็เลยชวนกันมาเป็นดีเจทั้งคู่ โชคดีที่ซี้ดเขาจะเน้นเรื่องเรียนเป็นหลัก ถ้ามีสอบหรือติดอ่านหนังสือก็บอกกันตรงๆ อาจจะเบรกได้นิดนึง การทำงานจึงไม่กระทบกับการเรียน”
เขาเล่าว่าตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน เนื่องจากเป็นคนนิ่งๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า กระทั่งเข้าทีมฟุตบอลของคณะเศรษฐศาสตร์ก็เริ่มมีเพื่อน และยังเป็นหรีดของคณะตอนเรียนอยู่ปี 1 ด้วย เรียกได้ว่าคุ้นเคยกันดีกับแสงแฟลชและเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ดังนั้นเขาจึงปรับตัวได้อย่างดีกับการทำงานของดีเจในปัจจุบันที่ต้องออกหน้ากล้องเสมือนว่าเป็นดาราคนหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่ผู้ฟังจะรู้จักเพียงชื่อและเสียงเท่านั้น
“ผมดูแลตัวเองด้วยการนอน 56 ชั่วโมง กินพวกวิตามิน ล้างหน้าให้สะอาด ผมไม่ชอบทาครีม เพราะรู้สึกเหนอะหนะ ส่วนการแต่งตัวก็เลือกสไตล์ที่ตัวเองใส่แล้วมั่นใจ อัพเดตเทรนด์ผ่านงานแฟชั่นโชว์ แมกกาซีน แล้วก็จากเพื่อนดีเจเอง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแบรนด์เนม บางอย่างหาได้ตามข้างทาง ถ้าใส่ออกมาแล้วเป็นตัวเรา ยิ่งมั่นใจยิ่งดูดี
ณัฐ สารสาส คือไอดอลคนมีสไตล์สำหรับผม เขาแต่งตัวเท่ ค่อนข้างตามเทรนด์ แต่ก็ดูมีความคิด เขาทำอะไรแล้วก็ออกมาได้ดี อย่างโรงแรมซิกซ์เซนส์ ก็เป็นโรงแรมระดับโลก ภายนอกอาจจะดูไฮโซ เข้าถึงยาก แต่พอได้รู้จักก็จะรู้ว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี ไปไหนไปกัน”
อาชีพดีเจนอกจากจะต้องอัพเดตข้อมูลตลอดเวลาแล้ว หลายครั้งเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นขณะที่กำลังจัดรายการสด ปฏิภาณไหวพริบจะถูกเรียกใช้ทันทีในเวลานั้น
“ตอนนั้นเป็นช่วงเล่นเกม ผมพูดชื่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นลูกค้าผิด พูดชื่อที่เป็นคู่แข่งแทน พอรู้ตัวก็ต้องรีบแก้ บางทีก็ขอโทษตรงๆ บางทีก็ตบมุขไป บางทีถ้าจัดกับเพื่อน เพื่อนก็ยังช่วยไว้ทัน”
จากเด็กปี 1 ที่ไม่เคยรู้เรื่องหน้าที่ดีเจ ไม่มีข้อมูลเพลง รวมถึงไม่มีความรู้รอบตัวมากพอที่จะมาบอกเล่า ต้นและดีเจซี้ดคนอื่นๆ ที่เข้ามาพร้อมกันต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ไล่ไปตั้งแต่การหัดเล่าเรื่องอย่างไรให้สนุก ขมวดปมอย่างไรและปิดท้ายอย่างไรให้ประทับใจ การฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา การทำการบ้านอัพเดตข้อมูลและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ล้วนทำให้เขายึดตำแหน่งดีเจซี้ดมาได้กว่า 5 ปีแล้ว
“ตอนแรกผมจัดรายการทุกวัน แต่พอทำงานประจำด้วยก็ปรึกษาพี่ที่คลื่นว่า มันจัดตารางไม่ลงตัว ตอนนี้เลยทำแค่ 2 ช่วง คือ ในวันอังคารและพฤหัสบดีตอน 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน และวันเสาร์กับอาทิตย์ช่วง 10 โมงถึงบ่าย 2 โมง”
งานประจำที่ว่า คือ การช่วยเหลืองานด้านธุรกิจ...ของครอบครัว ถึงแม้ว่าจะจบเศรษฐศาสตร์ เรื่องการจัดการธุรกิจมา แต่ต้องมาทำด้านการตลาดให้กับธัญญะ ช้อปปิ้ง พาร์ค พลาซ่า ของกลุ่มธนิยะ เจ้าตัวก็เต็มที่
“ตอนนี้เริ่มทำด้านการขายพื้นที่ก่อน ขั้นต่อไปจะทำด้านการตลาด ต่อจากนั้นก็อาจไปดูด้านไฟแนนซ์ ที่ทำงานหลายส่วน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราถนัดด้านอะไร หาประสบการณ์เยอะๆ เวลาที่ไปเรียนต่อปริญญาโทจะได้ตรงที่เราชอบเราถนัดมากที่สุด”
ถึงแม้ว่ามีหลายหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนักจัดรายการและนักการตลาด แต่ชายหนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ก็รับรองว่า ถ้ามีคนรู้ใจเมื่อไหร่ ปัญหายอดฮิตเรื่องไม่มีเวลาให้ เขาสามารถจัดการได้แน่
“บางทีคนเราชอบบอกว่าไม่มีเวลา ผมว่านะบางทีเวลา 24 ชั่วโมง มันหาเวลาที่จะมาแชร์กันได้ ส่วนสเปกผมชอบแนวคมๆ แบบลูกครึ่ง ไม่คิกขุมาก คุยกับเรารู้เรื่อง แค่นั้นก็พอแล้ว”