ความท้าทายของ อรรชกา สีบุญเรือง
เป็นความท้าทายไม่น้อยกับ อรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ต้องสานต่อและผลักดันการขับเคลื่อนประเทศไทย
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
เป็นความท้าทายไม่น้อยกับ อรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ต้องสานต่อและผลักดันการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
อรรชกา เริ่มต้นทำงานในช่วงแรกที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต่อมาก็ได้ทำงานในหลายหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ไปจนถึงกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และตำแหน่งรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จนถึงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม รวมเป็นกว่า 33 ปีที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม
"การทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีความสนุกกับการทำงานมาตลอด ทำให้ทำงานจนลืมเวลาไปเลย โดยการทำงานอยู่ในหน่วยงานภาครัฐ และเลือกที่จะเป็นข้าราชการ ซึ่งไม่เลือกไปทำงานภาคเอกชนหรือไปรับตำแหน่งในเงินเดือนสูง เพราะการได้รับราชการเรามีความสุข สนุกทำงาน" อรรชกา กล่าว
รวมถึงการได้ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต และไม่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย อีกทั้งการทำงานข้าราชการเป็นงานที่มีความมั่นคง ซึ่งหลักการทำงานของ อรรชกา ก็พร้อมเปิดให้ทุกกคนต่างมีส่วนร่วมในการทำงาน และทุกคนต่างทำงานเป็นทีม ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับลูกน้องและไม่มีกำแพง อีกทั้งการทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมที่ทุกคนต่างพร้อมช่วยกันทำงาน
"ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมามุ่งมั่นทำงานด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใสในการทำงาน มีความภูมิใจและมีความสบายใจที่ได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา ได้เห็นโครงการลงทุนต่างๆ ที่ผลักดันเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมกับได้พบกับนักธุรกิจ ได้เผชิญกับทุกสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้อธิบายข้อมูลให้นักลงทุนได้รับทราบ พร้อมกับการแก้ไขปัญหา ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศที่มาต่อเนื่อง ทุกอย่างทำให้ได้เรียนรู้ และมีการปรับตัวมาตลอดในทุกสถานการณ์"
ดังนั้น การเข้ามารับตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีหน่วยงานในสังกัดจำนวนมาก อรรชกา บอกว่า ทุกหน่วยงานมีความสำคัญ จึงพร้อมนำแนวคิดการทำงานในแบบเดียวกัน มาปรับใช้กับกระทรวง รวมถึงการผลักดันให้ทุกหน่วยงานของกระทรวง ร่วมมือกันทำงาน และทุกหน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด ทุกคนสามารถนำเสนอมุมมองในทุกความเห็น เพื่อร่วมมือทำงานในกระทรวง และทำงานเป็นทีม
"อีกสิ่งสำคัญคือ การได้เข้ามาทำงานในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีคนเก่งจำนวนมาก ทั้งนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถ รวมถึงมีบุคลากรในกระทรวงที่เรียนจบในปริญญาเอกมากกว่า 900 คน ดังนั้นจึงมั่นใจที่จะประสานงานและร่วมมือทำงานกันได้อย่างดี"
อรรชกา กล่าวต่อว่า การทำงานที่กระทรวงวิทย์ฯ ถือว่ามีระยะเวลาทำงานไม่มากนัก ดังนั้นจะต้องมีเป้าหมายในการทำงาน พร้อมเร่งขับเคลื่อนโครงการต่างๆ โดยโครงการหลักจำนวนหลายโครงการ ทั้งการร่วมปฏิรูปการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงการผลักดันงานวิจัยไปให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในฐานราก ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โอท็อป และส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ
"เป้าหมายทั้งหมดคือการผลักดันให้ประเทศไทย มีสัดส่วนการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) ให้มากขึ้น หรือมีสัดส่วน 1% ภายในปี 2561 พร้อมทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง สู่ประเทศที่มีรายได้สูงในระยะเวลา 20 ปี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล" อรรชกา ระบุ
อย่างไรก็ตาม แม้งานจะหนัก แต่หากทำด้วยความสุข ก็สามารถผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้ และในเวลาว่างก็มักจะอ่านหนังสือเพื่อเติมอาหารสมอง รวมทั้งไปพบปะเพื่อนฝูง ถือเป็นวิธีสร้างความสุขแบบง่ายๆ เติมเต็มพลังชีวิตให้กลับมาสู้กับงานอีกครั้ง