posttoday

กินลมชมวิวที่ ‘สวนรถไฟ’

03 ธันวาคม 2558

สวนรถไฟที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ อีกแห่งที่เปรียบเสมือนปอดของคนเมือง

โดย...ภาดนุ ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์

สวนรถไฟที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ อีกแห่งที่เปรียบเสมือนปอดของคนเมือง นอกจากความร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้ที่ปล่อยออกซิเจนให้ร่างกายสดชื่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำหรับคนรักการปั่นจักรยานอีกด้วย

เดิมทีนั้น “สวนรถไฟ” เคยเป็นสนามกอล์ฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมด 375 ไร่ แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นสวนสาธารณะที่เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนหย่อนใจและการออกกำลังกายสำหรับชาวกรุงเทพฯ ซึ่งสวนรถไฟได้รับพระราชทานนามใหม่จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ว่า “สวนวชิรเบญจทัศ” ในภายหลัง

กินลมชมวิวที่ ‘สวนรถไฟ’

 

นอกจากมีส่วนของพื้นที่ที่เป็นสวนสาธารณะแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟเดิมให้เด็กๆ ได้ฝึกเล่นกอล์ฟ และมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับพันธุ์ไม้แก่ผู้ที่สนใจด้วย โดยมีสวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพรนานาชนิด ลานกีฬา สวนพระพุทธศาสนา สวนพิพิธภัณฑ์รถไฟ ศูนย์กีฬา รวมทั้งสระว่ายน้ำ และยังจัดเป็นที่กางเต็นท์พักแรมของเด็กนักเรียน สามารถศึกษานกหลายชนิดที่มีอยู่เองตามธรรมชาติซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่

ที่ตั้งของสวนรถไฟเดินทางไปง่าย เพราะติดกับสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับสวนจตุจักร โดยทางเข้าจะอยู่ใกล้กับตึก ปตท.สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต จะนั่งรถประจำทาง รถไฟฟ้า หรือรถใต้ดินมาลงที่สถานีหมอชิต แล้วต่อด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกนิดก็ง่าย หรือถ้าขับรถมาเองก็จะเสียค่าบำรุงสถานที่คันละ 20 บาท

กินลมชมวิวที่ ‘สวนรถไฟ’

 

ในวันเสาร์-อาทิตย์คนจะเยอะหนาตากว่าวันธรรมดา เพราะมีตลาดนัดขายอาหาร ของกิน ของใช้มากมาย เมื่อเข้ามาในสวนแล้วจะเลือกนั่งปิกนิก เดินหรือวิ่งออกกำลังกายก็ได้ แต่กิจกรรมที่น่าสนุกและมีสีสันที่สุดก็คือการขี่จักรยาน เพราะในสวนรถไฟมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่หลายร้าน แถมมีจักรยานหลายแบบให้เลือก ทั้งจักรยานเสือภูเขา จักรยานแม่บ้าน และจักรยานสำหรับเด็ก นับรวมทุกร้านแล้วน่าจะมีกว่า 3,000 คันได้ ค่าเช่าไม่แพง ไม่กำหนดเวลา จะขี่นานแค่ไหนก็ได้ แต่ขอให้คืนจักรยานก่อน 19.30 น. ซึ่งตอนเช่าต้องนำบัตรประชาชนมัดจำทิ้งไว้ที่ร้าน ขี่เสร็จแล้วค่อยมารับคืน

เส้นทางปั่นจักรยานที่นี่จะเป็นถนนแบบวันเวย์ ห้ามขี่ย้อนกลับ ระยะทางโดยรอบประมาณ 2.7 กม. สองฟากถนนมีต้นไม้เรียงรายให้ร่มเงาตลอดทาง มีห้องน้ำให้แวะอยู่เป็นระยะ มีร้านขายเครื่องดื่ม สนามเด็กเล่นก็มี แนะนำให้ขี่ช้าๆ เพราะบนถนนลาดยางจะมีผู้คนเดินผ่านไปมา จึงต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ควรปั่นเร็วเกินไป ควรขี่สำรวจให้ทั่ว ซอกแซกลัดเลาะไปตามทางแยกต่างๆ หรือเนินสะพาน ก็จะเจอสถานที่สวยๆ ที่จัดทำไว้บริเวณสวน เจอวิวตรงไหนถูกใจก็แวะพักถ่ายรูปได้เลย

กินลมชมวิวที่ ‘สวนรถไฟ’

 

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของแมลงให้แวะที่ “อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ” ซึ่งเป็นกรงตาข่ายขนาดใหญ่ที่จัดไว้ให้ชมผีเสื้อที่มีประมาณ 20 ชนิด รวมแล้วมากกว่า 500 ตัวให้เดินชมเพลินๆ ข้างในมีการจัดภูมิทัศน์แบบธรรมชาติ มีพรรณไม้ต่างๆ บ่อน้ำ ลำธาร น้ำตกเล็กๆ รวมทั้งพืชอาหารของผีเสื้อให้ได้เห็น โดยเปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

คนที่รักการออกกำลังกาย จะแวะที่ “ศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ” ซึ่งมีอุปกรณ์กีฬาหลากชนิดให้เลือกเล่น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักสุขภาพ ในช่วงแดดร่มลมตกตอนเย็นๆ นอกจากเดินเล่น นั่งปิกนิก และปั่นจักรยานแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมเช่าเรือพายเล่นในบึงเพื่อชมธรรมชาติไปพร้อมกันอีกด้วย

กินลมชมวิวที่ ‘สวนรถไฟ’

 

สำหรับอาหารการกินในสวนรถไฟ ถ้ามาในช่วงเช้าจะมีตลาดนัดขายของและมีร้านขายอาหารเช้าอย่างโจ๊ก ต้มเลือดหมู ข้าวต้มปลา ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ ฯลฯ ให้เลือกชิม แต่หากมาในช่วงเย็นก็มีร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ สวน เช่น ครัวตาน้อย ซึ่งเน้นอาหารไทยไว้เป็นตัวเลือก ขี่จักรยานเสร็จจะแวะมานั่งกินข้าวชิลๆ แล้วค่อยกลับบ้านก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง

สวนรถไฟเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. ค่าเช่าจักรยานคันละ 20-30 บาท/วัน ค่าเช่าเรือพาย 30 บาท/ชั่วโมง สอบถามโทร. 02-537-9221