วันเหมียว วิหารวรรณกรรมแห่งเวียดนาม
เมื่อครั้งที่เราเดินทางไปเวียดนามกับสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ หนึ่งในโปรแกรมการเที่ยวชมก็คือวันเหมียว
โดย...โยธิน อยู่จงดี
เมื่อครั้งที่เราเดินทางไปเวียดนามกับสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ หนึ่งในโปรแกรมการเที่ยวชมก็คือวันเหมียว ด้วยสำเนียงหูแบบไทยๆ ก็พาให้นึกถึงแมวเหมียวเสียอย่างนั้นแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ วันเหมียว (Van mieu) หรือที่รู้จักกันในนามวิหารวรรณกรรมแห่งเวียดนามเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวเวียดนาม
วันเหมียวตั้งอยู่ในกรุงฮานอยอยู่ใกล้กับถนนวันเหมียว วิหารแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 1613 สมัยพระเจ้าไล ไท ตอง (Ly Thanh Tong) เพื่ออุทิศให้กับขงจื๊อมหาปราชญ์ชาวจีนที่ทรงความภูมิรู้ ตามลัทธิขงจื๊อ ต่อมาจึงมีการสร้างโรงเรียนขึ้นภายหลังเพื่อเป็นสถานที่ศึกษาสำหรับพระโอรสและขุนนาง ที่นี่จึงเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนามไปด้วยในตัว ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของเวียดนามนั้นตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนมาเป็นเวลานับพันปี เวียดนามจึงได้รับอิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่มาค่อนข้างมาก ตั้งแต่สถาปัตยกรรมไปจนถึงภาษาและอาหารการกิน และแน่นอนว่าทำเลที่ตั้งและตำแหน่งต่างๆ ภายในวิหารย่อมถูกสร้างตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ
บริเวณตรงหัวมุมทางเข้าด้านหน้าจะมีข้อความว่า “ขอให้ผู้มาเยือนลงจากหลังม้าก่อนเข้า” เป็นการแสดงถึงการเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแสดงให้เห็นถึงการเดินทางของคนสมัยก่อน เมื่อเดินผ่านประตูหน้าจะเป็นส่วนของตึกดาวลูกไก่ “เคว วัน กั๊ก” เป็นส่วนที่บัณฑิตนักอักษรมาท่องกวี เป็นตึกที่มีความสวยงามอย่างมาก และบริเวณโดยรอบก็มีความร่มรื่น แค่จินตนาการภาพของการอ่านหนังสือในบรรยากาศแบบนี้ก็มีความสุขแล้ว
เดินถัดมาก็จะพบกับ สระแสงงาม (เทียน กวาง ติงห์) เป็นสระน้ำขนาดใหญ่และทางด้านซ้ายมือจะเป็นศาลาที่ตั้งแผ่นจารึกนามของเหล่าจอหงวน ที่ผ่านการสอบในแต่ละยุคสมัยของกษัตริย์แต่ละพระองค์ แต่ละแผ่นตั้งอยู่บนหินรูปเต่า จำนวน 82 แผ่น จากที่เคยมีอยู่เดิมถึง 117 แผ่น โดยเริ่มมีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1995-2322 เป็นเวลาราวๆ 300 กว่าปี คนท้องถิ่นเล่าให้เราฟังว่าบัณฑิตจบใหม่มักจะชอบเดินทางมาถ่ายรูปกันที่นี่ เพราะถือว่าเป็นสถาบันความรู้ที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนาม
บรรดาป้ายหินสลักชื่อและประกาศความสำเร็จจะมุ่งเน้น การมีคุณธรรม ความพากเพียร ตามอย่างเน้นคุณธรรม 8 ประการแห่งขงจื๊อ ประกอบด้วย 1.ความกตัญญู 2.ความเคารพรักพี่น้อง 3.ซื่อสัตย์จงรักภักดี 4.ความมีสัตย์จริง 5.จริยธรรม 6.มโนธรรม 7.สุจริตธรรม 8.ความละอายต่อความชั่ว
หากเดินชมภายในวิหารวรรณกรรมแห่งนี้สิ่งที่เราจะพบบ่อยๆ ก็คือ เต่า นกกระเรียน และมังกร มีเต่าที่ปรากฏให้เห็นในที่นี้และในที่อื่นๆ ทั่วฮานอยนั้นเป็นเต่าน้ำจืดสังเกตจากเล็บที่เท้า เต่าและนกกระเรียนจัดว่าเป็นสัตว์มงคลที่มีความหมายที่ดี เช่น นกกระเรียน ตามความเชื่อว่ากันว่าจะช่วยส่งเสริมให้อายุยืน หน้าที่การงานราบรื่น และส่งเสริมการเรียนให้ดี การตั้งนกกระเรียนไว้จะส่งผลให้คนในบ้านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คนหนุ่มสาวหน้าที่การงานดีเรียนดีมีความเจริญรุ่งเรือง จึงเห็นได้ทั้งภาพวาด ไปจนถึงงานเครื่องเรือนโบราณ
ส่วนเต่าเป็นสัตว์มงคล ชาวจีนและชาวเวียดนามมักมีการนำรูปปั้นเต่ามาใช้เพื่อส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิต ใช้มากในการจัดฮวงจุ้ย เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนจึงช่วยส่งเสริมให้คนสูงอายุในบ้านมีอายุยืน คนเจ็บคนไข้หายเจ็บป่วย จะว่าไปแล้วที่ฮานอยก็มีทะเลสาบคืนดาบ เป็นตำนานการสร้างชาติเวียดนาม ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเล ต้นราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีน ยุคราชวงศ์หมิง ปลดแอกเวียดนามจากจีนได้สำเร็จด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากเต่ายักษ์ในทะเลสาบแห่งนี้ วันหนึ่งในขณะที่พระองค์ล่องเรือในทะเลสาบ ก็มีเต่ายักษ์ตัวเดิมโผล่ขึ้นมาเอาดาบคืนเป็นที่มาของทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิหารวรรณกรรมมากนัก
ถัดจากส่วนที่ใช้ในการศึกษาจะเป็นส่วนของเขตวัดที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนที่มากราบไหว้บูชาขอพร ซึ่งจะมีรูปปั้นขงจื๊อและกษัตริย์แต่ละพระองค์ที่สำคัญของเวียดนามตั้งอยู่ที่นี่ ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรมและการออกแบบอาคาร ศิลปะที่ใช้แบบจีนโบราณซึ่งจะได้เห็นอักษรภาษาเวียดนามโบราณจารึกไว้ภายใน อักษรเวียดนามโบราณนี้ดัดแปลงมาจากภาษาจีนโบราณ จะต่างจากภาษาเวียดนามในปัจจุบันที่ดัดแปลงมาจากภาษาฝรั่งเศสเพราะครั้งหนึ่งเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส
ต่อมาถูกสั่งยุติการเรียนภาษาจีนและมาเรียนภาษาฝรั่งเศสทั้งหมดและช่วงเวลาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสนั้นก็กินระยะเวลา ตั้งแต่ปี 2427 จนถึง พ.ศ. 2483 ทำให้ประเทศถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ภาคเหนือเป็นแคว้นตังเกี๋ย ภาคกลางเป็นแคว้นอันนัม และภาคใต้เป็นแคว้นโคชินไชนา (โคชินจีน) และถูกรวมเข้ากับกัมพูชาและลาว เรียกว่าสหพันธ์อินโดจีน (Indochinese Federation) ในยุคนั้น แต่ในช่วงระยะเวลา 59 ปีที่เวียดนามเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้พัฒนาตั้งแต่ถนนหนทาง ระบบการศึกษา และสาธารณสุข แต่ก็ทำให้วัฒนธรรมหลายอย่างของเวียดนามเปลี่ยนแปลงจนเลือนหายไปเช่นกัน โดยเฉพาะภาษาเวียดนามโบราณ
แต่สิ่งที่เราแนะนำก็คือ หลังจากชมส่วนที่เป็นศาลเจ้าของวิหารวรรณกรรมแล้วอย่าเพิ่งหันหลังกลับ เพราะยังมีทางเดินที่ต้องอาศัยความสังเกตเดินเที่ยวชมสวนด้านหลัง ถ้าโชคดีคุณก็จะได้ชมการแสดงดนตรี และการแสดงทางวัฒนธรรมที่น่าชมหลายอย่างของทางเวียดนาม
แต่สุดท้ายแล้วหลังจากเวียดนามได้รับเอกราช สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูจนกลับมามีสภาพที่สวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ในแต่ละวันจะมีชาวเวียดนามกว่าหลายพันคนรวมทั้งชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย