บรม ศรีหฤทัย ก็ใจมันรักทำขนม
ปั้น-บรม ศรีหฤทัย หลายคนอาจจะรู้จักในบทบาทของช่างภาพที่มีประสบการณ์มาโชกโชน
เรื่อง วรธาร ทัดแก้ว ภาพ อมรเทพ เฉลิมโชติพงษ์
ปั้น-บรม ศรีหฤทัย หลายคนอาจจะรู้จักในบทบาทของช่างภาพที่มีประสบการณ์มาโชกโชน ก่อนนี้เคยทำอยู่กับแมกกาซีนเล่มหนึ่ง ต่อมาลาออกมาเป็นช่างภาพอิสระได้ประมาณ 6 ปี รับงานฟรีแลนซ์ ถ่ายงานอีเวนต์ ถ่ายเวดดิ้ง ถ่ายเมนูอาหาร ถ่ายงานในสตูดิโอ เป็นต้น
อีกบทบาทหนึ่ง ปั้นเป็นเชฟทำขนมประเภทเค้ก พาย ส่งตามร้านคาเฟ่ 4-5 ร้านในย่านดังของกรุงเทพฯ ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “เค้กสตูดิโอ365” (Cakestudio365) ทำส่งร้านอยู่ที่ประมาณ 700-800 ชิ้น/เดือน ทำมาแล้วประมาณ 5-6 ปี และ 3-4 ปีที่ผ่านมา เขาทำเค้กแต่งงานในชื่อแบรนด์ “เวดดิ้งเค้กโปรเจกต์” (Weddingcakeproject) ร่วมกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นสไตลิสต์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด
ปั้นเล่าถึงการทำขนมว่า ตอนจบ ม.6 อยากเรียนทางด้านเชฟ แต่ทางบ้านไม่เห็นด้วย เลยต้องมาเรียนนิเทศศาสตร์เป็นช่างภาพถึงทุกวันนี้ กระนั้นในใจก็ยังรักในการทำขนมไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งพอได้มาทำงานประจำในบทบาทหน้าที่ช่างภาพ ได้ถ่ายภาพหลากหลายสไตล์ ซึ่งรวมถึงการถ่ายภาพอาหารและขนม เหมือนกับได้ปลุกความอยากในการทำขนมขึ้นมาอีกครั้ง
“ช่วงทำงานประจำที่แมกกาซีน เวลาว่างผมก็จะฝึกหัดทำขนมด้วยตัวเอง ศึกษากระบวนการขั้นตอนการทำจากยูทูบ ค้นข้อมูลในกูเกิล ตำราทำขนมทั้งของไทยและแปลจากตำราของต่างประเทศ เรียกว่าศึกษาจากหลายช่องทาง เวลาที่ถ่ายภาพเราจะหาเรเฟอเรนซ์ (Reference) หาคอนเซ็ปต์ให้ได้ก่อน พอได้คอนเซ็ปต์แล้วจึงลงมือถ่าย
ถึงตอนที่หัดทำขนมก็เช่นกัน ผมจะหารูปขนมหน้าตาที่ตัวเองชอบมาลองทำ แต่ไม่ได้ไปแกะสูตรของคนอื่นว่าเขาใส่อะไรยังไงเท่าไหร่ เรากำหนดสูตรเอง เลือกใช้วัตถุดิบเอง ทำเสร็จก็เอาไปให้คนอื่นเทสต์ เช่น เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนในวงการอาหารและขนม บางทีก็เชฟที่รู้จักกัน เพราะทำงานช่างภาพก็รู้จักกับเชฟหลายคน”
ปั้นยอมรับว่าการทำขนมในช่วงแรกเป็นเรื่องหินมาก เพราะทุกอย่างเรียนรู้ด้วยตัวเอง ขนมอย่างหนึ่งไข่หมดไปเป็นแผงก็ยังไม่ได้ บางทีอบออกมาไม่ดีก็ต้องทิ้ง เพราะทุกชิ้นต้องดีที่สุด ถ้าทำแล้วคนทำไม่อยากกิน จะให้คนอื่นกินไม่ได้อยู่แล้ว เวลาทำไม่ได้ดั่งที่คาดหวังอารมณ์ท้อก็มีอยู่ แต่ด้วยความเป็นช่างภาพที่เวลาทำงานต้องให้ออกมาดีที่สุด ก็พยายามหาวิธี หาคอนเซ็ปต์ หามุม หาองค์ประกอบต่างๆ จนแน่ใจว่าจะได้ภาพออกมาตามที่ต้องการ
“ผมก็เอาวิธีของช่างภาพมาใช้ในเวลาทำขนม เมื่อเจอปัญหาโน่นนี่นั่นก็ไม่เคยยอมแพ้ พอได้ลงมือทำแล้วจะไม่ทิ้งกลางคัน จะพยายามจนถึงที่สุดแม้จะสิ้นวัตถุดิบไปมากน้อยเท่าใดก็ต้องทำให้สำเร็จ ถ้าไม่ได้ สมมติอบแล้วเสียก็อบใหม่ พยายามต่อไป ทั้งไม่ลืมจดบันทึกไว้ด้วยว่าเราทำอย่างนี้แล้วมันเสีย ก็อย่าไปทำซ้ำแบบเดิม หาวิธีใหม่ไปเรื่อย ซึ่งก็ไม่พ้นความพยายาม
ผมทำขนมด้วยใจรักจริงๆ ถ้าใจไม่รักคงเลิกไปนานแล้ว แต่นี่ผมทำมา 8 ปีแล้ว ปีสองปีแรกอาจทำเป็นงานอดิเรก หรือทำจีบสาวอะไรประมาณนั้น (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้นได้ทำส่งร้านคาเฟ่เลยกลายเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่จริงจังขึ้น จากทำคนเดียวก็มีผู้ช่วย แล้วพอมาทำเค้กเวดดิ้งเมื่อ 3-4 ปีมานี้ ลูกค้าก็ตอบรับดีอีก แล้วผมสนุกกับมัน”
ทุกวันนี้ปั้นมีความสุขกับการทำขนม และใช้เวลาในแต่ละเดือนในการทำขนมมากกว่าการทำงานเป็นช่างภาพ แต่ว่าอาชีพช่างภาพก็ยังเป็นอาชีพหลักและเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตของเขาอยู่
“พูดแบบไม่โกหกเลยว่าถ่ายรูปวันเดียว เช่น ถ่ายเมนูอาหารเล่มเดียว ได้เงินเท่ากับทำเค้กทั้งเดือนเลย ถ้าถามว่าอาชีพไหนเป็นอาชีพหลัก ยังคงเป็นช่างภาพอยู่ครับ แต่ถ้าถามถึงเวลาที่ให้ระหว่างทำขนมกับงานช่างภาพในแต่ละเดือน ต้องบอกว่าให้เวลากับการทำขนมมากกว่า เมื่อก่อนงานช่างภาพเดือนหนึ่งจะรับถ่ายประมาณ 20 วัน เช่น ถ่ายงานอีเวนต์ ถ่ายเวดดิ้ง เป็นต้น แต่ทุกวันนี้รับแค่ 4-5 จ๊อบ เพื่อที่จะได้มีเวลาไปทำขนม
หากถามว่าทำขนมกับงานช่างภาพอันไหนรายได้เยอะกว่าและเหนื่อยน้อยกว่า ก็ต้องงานช่างภาพ ดังนั้นจึงพูดได้เลยว่าขนมผมทำด้วยใจรัก ยิ่งเมื่อได้ทราบฟีดแบ็กจากทางร้านว่าลูกค้าชอบเค้กของผม แบบว่ามีลูกค้าหลายคนเขียนโน้ตแปะไว้ที่โต๊ะ เช่น ขอบคุณนะคะเค้กอร่อยมาก แค่นี้ถึงเหนื่อยก็ทำให้มีความสุขครับ” บรม กล่าวทิ้งท้าย
หากจะสั่งขนมของปั้น หรือติดต่องานถ่ายภาพ สามารถติดต่อได้ที่ไลน์ไอดี : pun2629 หรือ โทร. 06-4246-3615