เรื่องง่ายๆ ที่เฟิร์สจ็อบเบอร์ควรรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน
สำหรับเด็กจบใหม่ที่กำลังจะก้าวสู่อีกหนึ่งช่วงของชีวิตที่กินเวลานาน..น...น...คือช่วงของวัยทำงาน มารู้จักกับกฎหมายแรงงานของไทยฉบับปรับปรุงล่าสุด รวมถึงสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการจ้างงานก่อนเข้าสู่สนามจริง
สำหรับเด็กจบใหม่ที่กำลังจะก้าวสู่อีกหนึ่งช่วงของชีวิตที่กินเวลานาน..น...น...คือช่วงของวัยทำงาน มารู้จักกับกฎหมายแรงงานของไทยฉบับปรับปรุงล่าสุด รวมถึงสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการจ้างงานก่อนเข้าสู่สนามจริง
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 และสิทธิตามกฎหมายแรงงานที่กระทรวงแรงงาน ระบุไว้ดังนี้
วันลาและสิทธิการลาตามกฎหมาย ประกอบด้วย
- ลาพักร้อน : ไม่น้อยกว่าปีละ 6 วัน ให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานมาเกิน 1 ปี สามารถยกหรือเลื่อนไปสะสมในปีอื่นได้
- ลาป่วย : ลาป่วยได้ตามจริง โดยได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วัน และหากลาติดต่อกัน 3 วันขึ้นไปต้องมีใบรับรองแพทย์
- ลากิจ : ลาโดยมีเหตุธุระจำเป็นได้ไม่น้อยกว่า 3 วันต่อปี โดยมีสิทธิได้รับค่าจ้างตามปกติไม่เกิน 3 วันต่อปี
- ลาคลอด : และลาตรวจครรภ์ก่อนคลอดได้รวม 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างไม่เกิน 45 วัน
- ลาทำหมัน : โดยต้องมีใบรับรองให้หยุดงานจากแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถหยุดได้ตามแพทย์สั่ง และยังได้รับค่าจ้าง
- ลารับราชการทหาร : ลาได้เท่ากับจำนวนวันที่ทางการทหารเรียก และได้รับค่าจ้างตลอดเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 60 วันต่อปี
- ลาฝึกอบรม : ลาได้โดยไม่ได้รับค่าจ้างในวันนั้น
ทั้งนี้ จำนวนวันหยุดอาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัท แต่ตามกฎหมายแล้วจะต้องไม่ต่ำกว่าที่กำหนด
วันหยุดประจำสัปดาห์
- กรณีทั่วไป กำหนดให้ต้องมีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน ระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน โดยยังได้รับค่าจ้างอยู่ (ไม่รวมลูกจ้างรายวันและรายชั่วโมง)
- กรณีลูกจ้างในกิจการที่วันหยุดไม่แน่นอน เช่น งานโรงแรม งานในป่า งานขนส่ง งานในที่ทุรกันดาร เช่น งานประมง งานดับเพลิง สามารถตกลงวันหยุดกับเจ้านายได้ และสามารถสะสมวันหยุดและเลื่อนวันหยุดไปใช้ตอนไหนก็ได้ภายในระยะเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
การทำงานล่วงเวลา
- ล่วงเวลาในวันธรรมดา ต้องมีการจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ
- ล่วงเวลาในวันหยุด ต้องมีการจ่ายค่าล่วงเวลา 3 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ
- ทำงานเวลาปกติในวันหยุด ต้องมีการจ่ายค่าล่วงเวลาเพิ่มอีก 1 เท่าของค่าจ้างปกติ
ทั้งนี้ การทำงานล่วงเวลาต้องรวมกันไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
การเลิกจ้าง
บริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานในกรณีเลิกจ้าง โดยแบ่งตามอัตรา ดังนี้
- ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
- ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
- ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
- ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
- ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน
- ทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน
- หากนายจ้างจ่ายค่าชดเชยช้ากว่ากำหนด จะต้องเสียดอกเบี้ยให้ลูกจ้าง 15% ต่อปี
ชาย-หญิงเท่าเทียม
สำหรับงานที่มีค่าเท่ากัน ลูกจ้างทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนต่างๆ เช่น ค่าล่วงเวลา ค่าจ้างอย่างเท่าเทียมกันด้วย
การเปลี่ยนนายจ้าง
กรณีที่นายจ้างเกิดต้องการโยกย้ายลูกจ้างให้ไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายจ้างใหม่ ต้องมีการแจ้งให้ลูกจ้างทราบและยินยอมก่อน
การย้ายสถานประกอบการ
นายจ้างต้องแจ้งลูกจ้างก่อนอย่างน้อย 30 วัน โดยหากไม่มีการแจ้งก่อนจะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นค่าจ้าง 30 วันสุดท้ายของการทำงาน หากลูกจ้างไม่สะดวกไปทำงานในที่ตั้งใหม่ สามารถยื่นหนังสือขอยกเลิกสัญญาจ้างได้ภายใน 30 วัน โดยจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย
ภาพ freepik