2 ‘แสบ’ กลับมา ‘ซน’
ปี 2536 Jurassic Park เซอร์ไพรส์ตลาดภาพยนตร์ทั่วโลกด้วยการชุบชีวิตสัตว์โลกล้านปีอีกครั้ง
โดย...แรพเปอร์
ปี 2536 Jurassic Park เซอร์ไพรส์ตลาดภาพยนตร์ทั่วโลกด้วยการชุบชีวิตสัตว์โลกล้านปีอีกครั้ง หลังจากนั้น 1 ปีวงการเพลงประเทศไทยก็ถือกำเนิด 2 นักล่าตัวร้าย น่ารักน่าชัง นาม “แร็พเตอร์” อาละวาดตลาดเพลงวัยรุ่น
17 ปีก่อน “แร็พเตอร์” (Raptor) นักร้องดูโอที่ร้องเพลงในดนตรีแนวป๊อป-แดนซ์ ในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่น มีเอกลักษณ์ในการร้องเพลงแนวสากล และไทย-สากล แบบ “มะค่อย” ชัดถ้อยชัดคำ เนื่องจาก 2 หนุ่มสมาชิกวงทั้งคู่เป็นลูกครึ่ง
คนแรกหนุ่มลูกครึ่งอินโดนีเซีย-สกอตแลนด์ “จอนนี่ อันวา” ตาโต ผิวแทน จมูกโด่ง ปัจจุบันอายุ 30 ปี ส่วน “หลุยส์ สก็อต” หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตแลนด์ หน้าตี๋ ผมยาว อายุน้อยกว่า 1 ปี ทั้งคู่ในวันนั้นขี้เล่น ซุกซนและเป็นวงน้องใหม่ จึงไม่ยากที่อัลบั้มแรก Raptor (พ.ศ. 2537) สร้างความนิยมอย่างมากในทศวรรษที่ 1990
น้อยคนมากที่จะไม่รู้จักพวกเขา กับเพลงฮิตมากมาย อาทิ “อย่าพูดเลย” เพลงช้าร้อง (ภาษาไทย) ไม่ชัดขัดใจคนฟัง (ผู้ใหญ่) ไม่น้อย แต่ครองใจเด็กๆ หัดร้องไม่ชัดตามกันเป็นพรวน เพลง “เกรงใจ” ที่นำท่าโหนรถเมล์มาประยุกต์ ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไปไหนก็โหนรถเมล์ ทั้งที่อาจจะนั่งแท็กซี่ หรือขับรถส่วนตัวแท้ๆ
เพลง “Super Hero” ที่รวบรวมเอาชื่อของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ซูเปอร์แมน แบทแมน ฮีแมน สไปเดอร์แมน ฯลฯ มารวมอยู่ในเนื้อเพลง หรือเพลง “ซาโยนาระ” เพลงช้าเนื้อหาดีๆ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่แร็พเตอร์จะอำลาวัยโจ๋ในยุคนั้น เลิกทำเพลงในนามแร็พเตอร์ไปในที่สุด เนื่องจากทั้ง หลุยส์ และ จอนนี่ โตขึ้น และต้องการออกไปทำงานในแนวทางของตนเอง
ย้อนกลับไปจุดกำเนิดของ “แร็พเตอร์” เริ่มจากการที่ผู้บริหารค่ายเพลงเห็นแวว หลุยส์ และ จอนนี่ ที่ในสมัยนั้นกำลังโด่งดังในวงการโฆษณา-หนัง จึงดึงตัวมาเซ็นสัญญาเป็นนักร้องคู่ดูโอ ซึ่งตอนนั้น จอนนี่ ยอมรับว่างมากๆ ภาษาไทยก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอทั้งคู่ได้ออกเทปร่วมกัน ความดังเปรี้ยงปร้างก็วิ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
แรกๆ ก็ยังไม่รู้อีกว่าตัวเองดังมากๆ คิดแค่สนุกดีที่ได้ร้องเพลง เล่นคอนเสิร์ต เล่นสเกตบอร์ดที่บริษัทหลังเลิกซ้อมร้องเพลง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไม่สามารถออกไปกินแฮมเบอร์เกอร์ได้เหมือนคนปกติอีกต่อไป เพราะคราวใดที่ออกไปปรากฏตัวในที่สาธารณะ ก็เจอผู้คนมากมายเข้ามารุมล้อมชื่นชม ขอลายเซ็น ขอพูดคุย และถ่ายรูปตลอดเวลา
ไม่เพียงแค่บทเพลงที่กลายเป็นสิ่งฮิตติดปาก รวมทั้งลีลาการแดนซ์ ที่ใครๆ ก็ต่องหัดเต้นตามให้เป็น “แร็พเตอร์” ยังเป็นผู้นำแฟชั่นวัยรุ่นในสมัยนั้น ไม่ว่าจะหันมาสวมเสื้อแจ็กเกตตัวใหญ่ กับกางเกง 5 ส่วนตัวโคร่ง พร้อมเข็มขัดผ้าหัวเหล็ก หรือจะเป็นเสื้อผ้าสีนีออนสุดแสบตา ที่ขัดอกขัดใจผู้ใหญ่แต่ได้ใจวัยรุ่นไปเต็มๆ
หลังจากออกอัลบั้มแรกประสบความสำเร็จ อาร์เอสก็เดินหน้าดันคู่หูดูโอคู่นี้เข้าสู่แถวหน้าของวงการเพลงอย่างเต็มที่ ออกอัลบั้มที่ 2-3-4 ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่าง Waab Boys (พ.ศ. 2539) Day Shock (พ.ศ. 2539) และ Goodbye (พ.ศ. 2541) และ The Memory (พ.ศ. 2541) ยังมีอัลบั้มพิเศษที่ร้องร่วมกับศิลปินท่านอื่นอีกอย่าง เช่น RS Super Teens และ The Next
และแล้วก็เกิดข่าวลือ!! เรื่องสองหนุ่ม “หลุยส์ สก็อต” และ “จอนนี่ อันวา” จะกลับมารวมกันอีกครั้งหลังแยกย้ายกันไปทำงานแนวทางของแต่ละคนกว่า 10 ปี แน่นอนว่าต้นสังกัดอย่างอาร์เอส โดย คูล เอฟเอ็ม 93 ไม่ปล่อยโอกาสหวนคืนเวทีครั้งใหญ่คราวนี้ธรรมดาแน่นอน ตัวตนซุกซนที่กลายเป็นหล่อเท่วันนี้ขายได้ชัวร์
หลังจากอัลบั้มชุด The Memory อันเป็นอัลบั้มสุดท้ายก่อนแยกย้ายไปคนละทาง ออกวางจำหน่ายได้ 13 ปี ทั้งคู่ได้ประกาศจัดคอนเสิร์ต “Raptor 2011 The Concert” ในวันที่ 1-2 ต.ค.นี้ ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน
สองหนุ่มได้เปิดใจถึงคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่า ตื่นเต้นกับคอนเสิร์ต “Raptor 2011 The Concert” ครั้งนี้มาก เพราะถือเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียวในรอบกว่าทศวรรษ หลังจากที่เราสองคนได้แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
สำหรับ หลุยส์ ยังคงมีผลงานเบื้องหน้า กับละครซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ส่วน จอนนี่ เองก็ค้นพบตัวเองว่าสนใจเรื่องการทำดนตรี ก็มีโอกาสทำงานเบื้องหลังกับเพื่อนๆ ในวงการดนตรีในนาม “สมุทรปราการซาวด์”
“ล่าสุดพออะไรหลายๆ อย่างลงตัว และมีโอกาสคุยกันจริงจังมากขึ้น รวมถึงกระแสเรียกร้องจากแฟนๆ เลยนึกสนุกอยากทำโปรเจกต์พิเศษร่วมกัน” ทั้งคู่ว่าเกิดจากความรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยทำงานด้วยกันในฐานะศิลปินแร็พเตอร์ ถือเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก และถือเป็นงานแรกที่ทำให้ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง
“พอไปคุยกับต้นสังกัดเดิม ก็ถือเป็นจังหวะที่ดี ที่ปีนี้ครบรอบ 30 ปีของบริษัท อาร์เอส พอดี เลยค่อนข้างลงตัว โดยทางผู้บริหารได้มอบหมายให้คลื่นคูล 93 ฟาเรนไฮต์ ซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านของสื่อที่น่าจะตรงกับกลุ่มแฟนเพลงของแร็พเตอร์ และผ่านประสบการณ์ในการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ มาเยอะ เป็นผู้จัดและโปรโมตคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้พวกเรา ซึ่งทำให้เราก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น” หลุยส์ ว่า
สำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ อดีตวงดูโอวัยทีนบอกว่า แค่อยากทำให้ดีที่สุด อยากมอบความสนุกให้กับแฟนเพลง ที่เคยมีภาพประทับใจกับปรากฏการณ์ความสนุกแบบแร็พเตอร์ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นสุดมันส์อย่าง เกรงใจ เพลงฮิตๆ ที่คุณคิดถึง เทคนิคพิเศษใหม่ๆ ที่เคยได้เห็นในคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ที่ผ่านๆ มานานแล้ว “เราจะดึงเอาทุกความประทับใจกลับมาในรูปแบบที่ร่วมสมัยของปี 2011 ก็คงได้มันส์ และสนุกสนานอย่างเต็มที่ สมกับการกลับมาของแร็พเตอร์อย่างแน่นอน”
พวกเขายังหยอดทิ้งท้ายว่า ไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสกลับมาแสดงคอนเสิร์ตร่วมกันแบบนี้อีกหรือเปล่า...
แต่ไม่ต้องหยอดมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์แทบล่ม อัตราการจองล่วงหน้าแน่น ส่วนใครจองผ่านเว็บไซต์แล้วไม่ไปแสดงตัวเพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ตก็แห้วไปตามระเบียบ อัตราการจองแบบคอนเฟิร์ม เต็มทั้ง 2 วัน 2 รอบ ชนิดที่ใครมัวคิดจะดูแต่ยังไม่ได้ซื้อ พากันร้องโอดโอย เพราะเฮียฮ้อประกาศแล้วว่าจะไม่มีการเพิ่มรอบแสดงแน่นอน
แฟนๆ แร็พเตอร์ไม่ได้ติดใจที่ “แร็พเตอร์” ร้องเพลงไม่ชัด หรือร้องเพลงไม่มีเนื้อหา มากเท่ากับว่าเขาคือตัวแทนความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซน ที่เติบโตมาพร้อมกันตลอดช่วงวัย “แสบ” ต่างหาก
ใครมีบัตรแล้วอย่าลืมซ้อมท่า “เกรงใจ” มาโยกให้สะเทือนฮอลล์