บุรีรมย์ บุรีรัมย์
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปร่วมคาราวานแรลลีท่องเที่ยว
โดย...จำลอง บุญสอง
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปร่วมคาราวานแรลลีท่องเที่ยวเส้นทางอารยธรรมขอมที่บุรีรัมย์ งานนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานในจังหวัดเป็นเจ้าภาพ
เยือนบุรีรัมย์ยังไงๆ ก็ต้องไปปราสาทหินพนมรุ้ง พนมรุ้งที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอยากให้ใครๆ ไปสัมผัสไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของปราสาท แต่ท่านอยากจะให้เห็นถึงจิตวิญญาณของปราสาทด้วย เสียดายที่จังหวัดไม่ได้จ้างไกด์มือรางวัลของบุรีรัมย์มาอธิบายให้คณะคาราวานได้ฟัง ผมยืนยันว่าไกด์ที่ผมกล่าว “มือถึง” สามารถอธิบายเรื่องราวของปราสาทนี้ได้ลึกซึ้งจริงๆ แต่ถึงจะได้ตัวเขามา ผมก็ไม่แน่ใจว่านักท่องเที่ยวแบบนี้จะฟังคำอธิบายหรือไม่ ปัญหาหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบคาราวานก็คือ การจัดการสมาชิกให้อยู่ในแถวในแนว การจัดแถวได้ดีที่สุด นอกจากเอกสารแล้ว สต๊าฟจัดงานจะต้องแม่นใน “แผนงาน” ที่วางไว้แม่น ยังไม่พอต้องขยันอธิบายๆๆๆ และอธิบายให้มาก เพราะว่าผู้ร่วมคาราวานโดยส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อนสนใจคำชี้แจงในที่ประชุม เพราะมัวเมามันกับการเมาท์ในกลุ่มนั่นเอง
ปราสาทหินพนมรุ้งวันนี้ “เหม็น” ครับ ที่เหม็นเพราะค้างคาวที่อาศัยปราสาทหินคุ้มหัวไปถ่ายหนักถ่ายเบาเอาไว้
ความจริงคาราวานต้องไปต่อที่ปราสาทเมืองต่ำ แต่เนื่องจากเวลาได้สูญเสียไปกับขั้นตอนแต่ละแห่งมากมาย คณะจึงต้องเว้นวรรคปราสาทเมืองต่ำเอาไว้แล้วมุ่งไปสนามฟุตบอล ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลที่ทันสมัยที่สุดของประเทศ ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว “แมนเมด” ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ไปแล้ว
คุณเนวินผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้างสนามแห่งนี้ ขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาให้นักข่าวและผู้ร่วมขบวนถ่ายรูปด้วยตามประสานักการเมือง
ผมเคยเจอกับคุณเนวินในสมัยที่คุณเนวินทำงานในองค์กรการเมืองท้องถิ่น เจอกันในท้องนาครับ เพราะคุณเนวินหาเสียงด้วยการไปช่วยชาวบ้านดำนา แบบเดียวกับนักการเมืองอีสานหลายๆ คน
คุณเนวินสมัยโน้นยังหนุ่มครับ พูดจาฉะฉานและดูติดดิน วันนี้อายุมากขึ้น เขี้ยวเล็บทางการเมืองในกรุงทำให้ภาพลักษณ์คุณเนวินเปลี่ยนไป แต่จะเปลี่ยนไปในทางไหนก็แล้วแต่จุดยืนของแต่ละคน เหลืองก็มองว่าคุณเนวินดี แดงอาจจะบอกว่าไม่ใช่ แต่สำหรับคนเมืองบุรีรัมย์เปอร์บางส่วนให้ใจกับคุณเนวินไม่น้อย แบบเดียวกับให้ใจกับคุณบรรหารแห่งบรรหารบุรี เอ๊ยสุพรรณบุรีนั่นเอง ก็ไม่ให้ใจได้อย่างไร ในเมื่อเอาเงินภาษีราษฎรโดยรวมไปสร้างถนนได้ใหญ่และดีให้กับบ้านของตัวเองขนาดนั้น
ผมไปเที่ยวที่สนามหลายแห่งในอังกฤษมาแล้วครับ สนาม “ไอโมบาย” แห่งนี้เทียบชั้นสนามฟุตบอลอื่นๆ ในต่างประเทศได้อย่างไม่อายใคร อาหารการกินที่มาขายให้กับคนมาดูฟุตบอลก็รูปลักษณ์เดียวกับต่างประเทศ คือ มีทั้งเบียร์และอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดพวกไส้กรอกทอดอะไรทำนองนั้น ส่วนบริษัทที่ได้เข้ามาขายไม่ใช่แม่ค้าปิ้งย่างแบบบ้านๆ กระจอกๆ นะครับ แต่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงสายการเมือง “สี” เดียวกับคุณเนวินนั่นแหละ ส่วนจะเป็นสีอะไรคงเดากันได้ไม่ยาก
คนที่มาดูมาเชียร์เป็นชาวบ้านของบุรีรัมย์เปอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่ดูอัฒจันทร์ด้านทิศใต้จะเป็นเด็กนักเรียนที่ถูกเชิญมาเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้านใต้เป็นกองเชียร์ “จัดตั้ง” ของสโมสรแน่ ดูจากเชียร์ลีดเดอร์ก็รู้ว่าซีกนี้เป็นของใคร เพราะเชียร์กันเป็นระบบและมีอุปกรณ์ในการเชียร์ครบครัน เชียร์ลีดเดอร์ออกท่าทางไหนพวกเขาก็ทำท่านั้นแบบสั่งได้ดังใจ
ส่วนซีกตะวันออกเป็นอัฒจันทร์มีหลังคาครับ คุ้มฝนแต่ไม่คุ้มแดด เพราะยามเย็นแดดแทงตาหนักทีเดียว ส่วนนี้เป็นที่นั่งพวกวีไอพีและคนซื้อตั๋วแพงๆ
ไปดูสนามในต่างประเทศมาแล้วอยากจะเปรียบเทียบ “คนดู” ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเล็กน้อยว่า ประเทศประชาธิปไตยในอังกฤษนั้น คนดูชั้นล่างจะเป็นพวกกรรมกรโรงงานในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ส่วนชั้นบนเป็นห้องๆ เป็นของพวกนายทุนที่ซื้อหรือเช่าเอาไว้รับแขกของบริษัท ในอังกฤษนอกจากจะใช้กีฬาฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจแล้วลับๆ แล้วยังเป็นกลวิธีทางการเมืองที่จะกล่อมประชาชน (กรรมกร) ให้มาสนใจแต่เรื่องกีฬา โดยไม่หันไปหาการเมืองที่เหนือไปกว่านั้น เพราะกรรมกรคือกำลังชี้ขาดว่าจะให้ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือระบอบคอมมิวนิสต์ พวกนายทุนไม่อยากให้กรรมกรไปเป็นกำลังของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก็เลยต้องมอมเมากรรมกรด้วยการให้ “กีฬาฟุตบอล” เป็น “ยาเสพติด” นั่นแหละ แต่เป็นยาเสพติดที่ต่างกับพวกยาอี ยาบ้า หรือโคเคน ส่วนบ้านเราที่การเมืองการปกครองเป็นเผด็จการระบบรัฐสภา ผมดูว่าเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มทุนอะไร เพราะประชาชนไทยทั่วไปถูกการปกครองของชนชั้นนายทุน “สูบ” รายได้แห่งชาติเอาไปกิน จนประชาชน กรรมกร ชาวนาส่วนใหญ่ “ยากจน” กันถ้วนหน้า ดังนั้นจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อตั๋วให้เกิดธุรกิจการฟุตบอลได้ กองเชียร์ในประเทศเผด็จการนอกจากคอฟุตบอลจริงๆ จะมีไม่มากเท่าไหร่แล้ว ยังประกอบไปด้วยหัวคะแนน สส.เจ้าของสโมสรและคนทั่วไป (รวมทั้งเด็กนักเรียน) ที่ถูกเกณฑ์มาดูให้เต็มสนามอีกด้วย จิตวิญญาณของคนดูบอลในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยกับจิตวิญญาณของคนดูในประเทศที่ยังเป็นเผด็จการต่างกันอย่างนี้แหละครับ
ผมดูเด็กนำโชคที่คุณเนวินลากขบวนไปกลางสนามช่วงเวลาเปิดการแข่งขันแล้วอดสงสารไม่ได้ เพราะแข็งทื่อไม่มีชีวิตชีวาเลย ผมเห็นแววตาของเด็กเหล่านี้หน้าสนามแล้วอดสงสารไม่ได้ คงถูกเกณฑ์แบบเดียวกับที่ผมถูกเกณฑ์ไปรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัยเด็กๆ นั่นแหละ
ไม่อยากวิจารณ์เรื่องนี้มาก เพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่สำหรับเมืองบุรีรัมย์ซึ่งเคยยากจนติดอันดับแข่งกับศีรสะเกษนั้น เจริญมาได้ขนาดนี้ก็ต้องขอบใจคุณเนวิน
สำหรับคนที่ไปเที่ยวบุรีรัมย์นั้น อาหารเช้าหน้าสถานีรถไฟนั้นเชื่อถือได้ครับ แม้ว่าจะพื้นๆ แต่ก็ได้มาตรฐานดี ผู้ว่าฯ ไปทอดปลาท่องโก๋โชว์นักข่าวด้วยได้บรรยากาศของการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยผู้ว่าฯ พาชิมได้ดี และด้วยอัธยาศัยใจคอที่ใช้ได้ เมื่อฟ้าเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดงในวันนี้ ผมก็หวังในใจว่า ผู้ว่าฯ ที่มีฝีมือที่ถูกแต่งตั้งในสมัยรัฐบาลเหลืองคงไม่ถูกโยกย้ายกันอย่างไม่เป็นธรรมนะครับ เพราะข้าราชการเป็นพียง “กลไกรัฐ” ขืนย้ายกันตามแรงการเมืองแบบขัดคุณธรรม ปัญหาชาติจะจบไม่สวยนะครับ นี่เตือนทั้งเหลืองแดงนั่นแหละ
ป.ล. เงินจำนวน 3,000 บาท ที่จ่ายให้ผมมาเพราะเข้าร่วมขบวนคาราวานนี้ ผมส่งไปทำบุญกับมูลนิธิบางกอกโพสต์เพื่อเด็กยากจนแล้วครับ ทางมูลนิธิฝากขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย