ภัยที่น่ากลัวที่สุด
ในมงคล 38 มงคล พระพุทธเจ้าตรัส “การไม่เสวนากับคนพาล” เป็นปฐมมงคลอันสูงสุดของชีวิต
ในมงคล 38 มงคล พระพุทธเจ้าตรัส “การไม่เสวนากับคนพาล” เป็นปฐมมงคลอันสูงสุดของชีวิต
โดย..อ.ตุ้ย วรธรรม
นั่นเพราะทรงเห็นภัยน่ากลัวต่างๆ ที่จะเกิดจาก “คนพาล” นั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เป็นการบอกไว้เลยว่าชีวิตของทุกคนถ้าไม่เกี่ยวข้องกับคนพาลจะเป็นมงคลที่สุด
คนพาลน่ากลัวยังไง!?!
หนึ่งล่ะ คนพาลชอบชักนำในทางที่ผิดศีลธรรม กฎหมาย จารีต ประเพณี ในทุกวิถีทาง ทั้งชักชวน เชิญชวน ชี้ชวน และทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เช่น นัดกันซิ่งมอเตอร์ไซค์สร้างความรำคาญให้ชาวบ้าน ชักชวนเที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา เสพยาเสพติด เล่นการพนัน หนีโรงเรียน ทำสิ่งผิดกฎหมาย
สอง ชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ เช่น ชอบพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ชอบจับผิดเพื่อนร่วมงาน การงานของตนไม่จัดการให้เรียบร้อย แต่ชอบก้าวก่ายหน้าที่ผู้อื่น ไม่ถูกใจใครก็เขียนบัตรสนเท่ห์กลั่นแกล้งโจมตีเขา
สาม ชอบเห็นชั่วเป็นดี เช่น ชอบรับสินบน มักประพฤติทุจริตในหน้าที่ หรือช่วยพวกพ้องให้พ้นจากความผิด สี่ แม้คนอื่นพูดดีๆ บอกดีๆ ก็โกรธ เช่น บอกให้ขับรถดีๆ อย่าปาดหน้าปาดหลังก็โกรธ บอกให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายก็โกรธ รวมถึงอาการต่างๆ เช่น คนอื่นมองหน้าก็โกรธ คนอื่นเดินเฉี่ยวก็โกรธซ้ำด่าว่าเขา ขอเขาไม่ให้ก็โกรธผูกใจเจ็บ
ห้า ไม่ยอมรับรู้และชอบฝ่าฝืนกฎ ระเบียบวินัย กฎหมาย เช่น ชอบทิ้งขยะบนพื้นถนน ชอบขับรถฝ่าไฟแดง ที่เขาห้ามก็ชอบฝ่าฝืน
คนที่ชอบมีพฤติกรรมและทำตัวแบบนี้นี่แหละ ถือว่าเข้าข่าย “คนพาล” และลองคิดดูว่าคนประเภทนี้จะน่ากลัวและอันตรายขนาดไหน
สมมติถ้าบังเอิญเขาอยู่ใกล้ๆ เรา ผมว่าสยองแน่ เช่น ถ้าเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน หากเรามีผลงานเข้าตานาย นายชอบ เขาก็จะแสดงความอิจฉา คอยจับผิดเรา เอาเราไปฟ้องนายบ้างล่ะ เอาเราไปนินทาให้คนอื่นฟังบ้างล่ะ อย่างนี้สยองแน่
ลักษณะของคนพาล ท่านให้ดูที่การกระทำ (กาย) คำพูด (วาจา) และความคิด (มโน) เป็นหลัก
พฤติกรรมทางกาย คือ ชอบทำแต่กรรมชั่วๆ เป็นปกติวิสัย เช่น ชอบล้างผลาญชีวิตคนและสัตว์ ชอบลักทรัพย์ ปล้น จี้ ชิง ฉ้อโกง คอร์รัปชัน ฉุดคร่าอนาจาร ล่วงละเมิดภรรยาสามีคนอื่น ค้ายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทั้งหลาย
พฤติกรรมทางวาจา คือ ชอบใช้วาจาชั่วๆ เป็นปกติวิสัย เช่น พูดโกหกประจำ ปั้นเรื่องตลอด ชอบพูดหยาบคายด่าว่าเสียดสีคนอื่น ยุแยงตะแคงรั่ว ใส่ร้ายป้ายสี นินทาว่าร้าย พูดจาเพ้อเจ้อ
ทางมโน คือ ชอบคิดแต่เรื่องชั่วๆ เป็นปกติวิสัย เช่น คิดละโมบอยากได้ในทางทุจริต อาทิ โดยการปล้น ลัก ขโมย ฉ้อโกง คิดพยาบาทปองร้าย คิดทำมิดีมิร้ายคนอื่น อาทิ คิดวางแผนจะข่มขืน รวมถึงการเป็นมิจฉาทิฐิเห็นผิดเป็นชอบ
พระพุทธเจ้าจึงทรง “ห้ามเด็ดขาด” ไม่ให้คบหาสมาคมใดๆ กับคนพาล เพราะคนพาลจะนำภัย อันตราย ความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเสียชื่อเสียงและอื่นๆ มาให้ ไม่วันนี้ก็วันหน้าแน่นอน ตราบใดที่ยังเสพสนิทกับคนพาลอยู่
เพราะฉะนั้นใครที่ยังคบหากับคนพาลอยู่ ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม ให้รีบถอนตัวเสียโดยพลัน ตัดไฟเสียแต่ต้นลม มิฉะนั้นจะพลาดท่าติด “เชื้อพาล” โดยไม่รู้ตัว กลายเป็นพาลตามไปด้วย เหมือนคำโบราณที่ว่า ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า ย่อมต้องพลอยเหม็นเน่าไปด้วย ฉันใด คนที่คบคนพาลก็ต้องพลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันนั้น
พระเจ้าอชาตศัตรูคบหาพระเทวทัต แล้วถูกพระเทวทัตยุยงวางแผนปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารบิดาเพื่อราชสมบัติ นี่คือความร้ายกาจน่ากลัวของคนพาลที่พร้อมจะนำความพินาศมาสู่ผู้ที่คบหาได้ทุกเมื่อ
ภัยอะไรในโลกจะน่ากลัวกว่าภัยจากเหล่าคนพาลไม่มี!!!