มาเก๊า ช็อป ชม ชิม

เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

” หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อสั้นๆ ว่า “มาเก๊า” คือเกาะเล็กๆ ที่มีเนื้อที่เพียง 28 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ากาสิโน คือเป้าหมายหลักของการเดินทางมาที่นี่ แต่หากจะมาท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่มาเก๊ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

มาเก๊า คือดินแดนที่ไม่มีรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างจุดเด่นเพื่อให้เป็นจุดขาย ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจกาสิโน คือสิ่งที่ทำให้มาเก๊ามีชื่อเสียงและสร้างรายได้อย่างมหาศาล หลายคนอาจสงสัยว่าในเมื่อธุรกิจกาสิโนประกอบไปด้วยการพนันทุกรูปแบบ แต่เหตุไฉนชาวมาเก๊าถึงให้การยอมรับ ซึ่งจากการสอบถามชาวมาเก๊าเราก็พบคำตอบว่า ในแต่ละปีกำไรที่ได้จากกาสิโน จะต้องปันผลเพื่อนำมาพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสวัสดิการทุกรูปแบบ ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีว่ารายได้จากธุรกิจกาสิโนนั้นมากมายมหาศาลเพียงใด จึงทำให้ธุรกิจกาสิโนเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนที่นี่ นอกจากนี้ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น อันเนื่องมาจากทิศทางและนโยบายที่ต้องการให้มาเก๊ามีความน่าสนใจ ไม่เฉพาะแค่เรื่องของกาสิโนเพียงอย่างเดียว เพราะที่นี่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่ลงตัวที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ระหว่างวัฒนธรรมเอเชียและวัฒนธรรมยุโรป นอกจากนี้กิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ก็ได้ถูกพัฒนาและสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มให้ที่นี่มีความหลากหลาย แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในมาเก๊าโดยเฉลี่ยเพียง 1 ถึง 2 วันเท่านั้น อันเนื่องมาจากข้อจำกัดของตารางทัวร์ ซึ่งมักจะผูกรวมมาเก๊ากับปลายทางอื่นๆ เช่น ฮ่องกงและเสิ่นเจิ้น ดังนั้นโลก 360 องศา จึงขอหยิบยกหนึ่งในวิธีท่องเที่ยวมาเก๊าแบบครบรส ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด นั่นก็คือการมา ช็อป ชม และชิม

มาเก๊า คือแหล่งรวมสินค้าที่หลากหลายที่สุดอีกแห่งหนึ่งในย่านเอเชีย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีราคาถูกพอสมควร เพราะมาเก๊าคือเมืองปลอดภาษี ดังนั้นการมาจับจ่ายซื้อสินค้าเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่มายังมาเก๊า สถานที่ยอดนิยมสำหรับการมาช็อปปิ้ง ก็มีหลายสถานที่ แต่เราเลือกที่จะมายังจัตุรัสเซนาโด เพราะที่นี่คือทำเลทองของย่านการค้าใจกลางเมืองที่คึกคักและมีสีสันมากที่สุดในมาเก๊า ร้านค้าส่วนใหญ่จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เช่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับและเครื่องสำอาง เรียกได้ว่าครบครันสำหรับคุณสุภาพสตรีกระเป๋าหนัก ซึ่งที่เซนาโดแห่งนี้นอกจากจะได้ช็อปปิ้งกันจนเงินหมดกระเป๋ากันแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมของการมาที่นี่ นั่นก็คือการชม เพราะร้านรวงต่างๆ ล้วนตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่และออกแบบในสไตล์ของสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกร่วมสมัย ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี นอกจากนี้ ทางเดินของที่นี่ยังโดดเด่นด้วยกระเบื้องสีขาวและสีดำที่ปูสลับทับซ้อนกันเป็นลวดลายของคลื่น และไม่ไกลกันยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์ดอมินิก โบสถ์ที่มีความเก่าแก่และสวยงามที่สุดอีกแห่งในมาเก๊า จึงทำให้จัตุรัสเซนาโดแห่งนี้มีบรรยากาศเสมือนว่าอยู่ในยุโรป นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาถ่ายรูปที่นี่เป็นจำนวนมาก แต่น่าเสียดายในช่วงเวลาที่เราเดินทางไปถึง มรสุมเข้าพอดี ฝนตกและฟ้าปิด ส่งผลให้ภาพที่ได้หมองหม่นยิ่งนัก หากฟ้าเปิดที่นี่ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากกว่าช่วงที่เรามา

ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โลก 360 องศา เคยมีโอกาสเดินทางไปเยือนหลายประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศโปรตุเกสมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นประเทศบราซิล โมซัมบิก และติมอร์เลสเต ซึ่งประเทศเหล่านั้นปรากฏอิทธิพลโปรตุเกสให้เห็นไม่มากนัก เพราะจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่า ถึงแม้ในช่วงเวลาที่โปรตุเกสยังครอบครองดินแดนหลายประเทศ แต่ภายในประเทศโปรตุเกสเองยังประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ส่งผลให้ดินแดนในอาณัติไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงกลายมาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่โปรตุเกสต้องมอบเอกราชกลับคืนให้แก่ประเทศเหล่านั้น แต่สำหรับที่มาเก๊ากลับตรงกันข้าม เพราะที่นี่อิทธิพลโปรตุเกสปรากฏให้เราเห็นมากมาย เช่น ภาษา อาหารการกิน และสถาปัตยกรรม ดังเช่นที่จัตุรัสเซนาโด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ในอดีตมาเก๊าคือดินแดนในอาณัติของโปรตุเกสที่มีความเจริญรุ่งเรือง นั่นคงเป็นเพราะที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำการค้าระหว่างโปรตุเกสและจีนแผ่นดินใหญ่

อีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างสีสันได้ไม่น้อยสำหรับการมาที่จัตุรัสเซนาโด นั่นก็คือการชิม เพราะที่นี่มีร้านอาหารมากมายให้เลือกรับประทานอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทั้งคาวและหวาน แต่ที่เห็นจะได้รับความนิยมมากที่สุดของที่นี่ก็คือหมูแผ่นและคุกกี้ ซึ่งสังเกตได้จากจำนวนร้านที่มีมากมาย และมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ลูกค้าทดลองชิมก่อนซื้อ และเป็นที่น่าสังเกต คือกลยุทธ์ในการขายซึ่งพ่อค้าแม่ขายสามารถเรียกลูกค้าได้หลายภาษา จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินคำว่า “ชิมไหมครับ” และ “ชิมฟรีค่ะ” ตลอดสองข้างทาง และเมื่อพูดถึงขนมที่มีชื่อเสียงที่สุดของมาเก๊า เห็นจะเป็นขนมทาร์ตไข่ เพราะรสชาติที่นุ่มละมุนลิ้นและกลิ่นหอมของคัสตาร์ด จึงทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ลองลิ้มชิมรสจะต้องติดใจซื้อหากลับไปเป็นของฝาก ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ขนมทาร์ตไข่ไม่ใช่ขนมพื้นถิ่นของมาเก๊าแต่อย่างใด แต่เป็นขนมสัญชาติโปรตุกีส ในปัจจุบันก็สามารถซื้อหาได้ทั่วไป แต่หากจะพูดถึงผู้บุกเบิกขนมทาร์ตไข่ในมาเก๊า ก็ต้องเป็นที่ Lord Stow’s Bakery ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านโคโลอาน หมู่บ้านเก่าแก่ที่ยังคงเอกลักษณ์วิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวมาเก๊า แต่ต้องบอกก่อนว่าในแต่ละวันขนมทาร์ตไข่ที่นี่มีจำนวนจำกัด ดังนั้นหากจะลิ้มลองทาร์ตไข่ที่เขาว่ากันว่าอร่อยที่สุดในมาเก๊า จะต้องไปในช่วงสายถึงบ่ายเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะหมดและอดรับประทานได้

สำหรับคนที่สนใจอยากจะเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหน มาเก๊าคือหนึ่งในตัวเลือกที่เราขอแนะนำ เพราะความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความคล่องตัว สามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ดังเช่นกิจกรรม ช็อป ชม และชิม ที่เรานำมาเสนอในครั้งนี้ ซึ่งในปัจจุบันจากประเทศไทยสามารถเดินทางไปมาเก๊าได้สะดวกรวดเร็วและมีโปรแกรมการท่องเที่ยวราคาถูกให้เลือกมากมาย จึงเป็นเรื่องง่ายหากจะสัมผัสกับประสบการณ์ในมาเก๊าสักครั้งหนึ่งในชีวิต