ศึกยูโร...มันส์กว่าบอลโลก?
หลายคนอาจบอกว่า ศึกฟุตบอลโลก หรือเวิลด์คัพ ถือเป็นเกมลูกหนังที่สนุกที่สุดแล้ว เนื่องจากทุกๆ 4 ปี
โดย...พิธานอนันต์ พูลสมบัติ
หลายคนอาจบอกว่า ศึกฟุตบอลโลก หรือเวิลด์คัพ ถือเป็นเกมลูกหนังที่สนุกที่สุดแล้ว เนื่องจากทุกๆ 4 ปี จะมีทีมตัวแทนจากทั่วโลก 32 ทีม มาร่วมประชันแข้งกัน ในขณะที่ศึกฟุตบอลยูโรที่จัด 4 ปีครั้งเหมือนกัน จะมีแข่งกันแค่ 16 ทีม
ผมยอมรับว่า เวิลด์คัพ นั้น เป็นเกมที่สนุกเร้าใจ และเฝ้าติดตามชมมาตลอด แต่เนื่องจากว่ามาตรฐานของทีมในเอเชียและแอฟริกาใต้ ยังห่างจากพวกยุโรปและอเมริกาใต้ ทำให้บางครั้งเหมือนจะสู้กันไม่ได้ นี่ยังดีนะที่ปัจจุบันพัฒนาขึ้นมามาก จนฝีเท้าเริ่มใกล้เคียงกันมากขึ้น
แต่สำหรับศึกยูโรนั้น มาตรฐานต่างใกล้เคียงกัน และนักเตะยุโรปส่วนใหญ่ก็มักค้าแข้งกันอยู่ในแถบทวีปบ้านเกิด จนทำให้รู้ไส้รู้พุงรู้เชิงกันเป็นอย่างดี เรียกว่าทันเกมกันแบบไม่ห่างนัก และพร้อมที่จะเกิดแชมป์ยูโรหน้าใหม่ได้เสมอ ดังเช่น กรีซ ผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2004 ที่โปรตุเกสเป็นเจ้าภาพชนิดหักปากกาเซียน เพราะไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า เทพนิยายกรีกจะเป็นจริงขึ้นมาได้
ขณะที่ฟุตบอลโลกนั้น แชมป์โลกจะผูกขาดอยู่แค่ทีมจาก 2 ทวีป คือ อเมริกาใต้ ที่นำโดย บราซิล อาร์เจนตินา อุรุกวัย และทวีปยุโรป ที่นำโดย เยอรมนี อิตาลี
กุนซือแชมป์เก่ารับไม่ง่าย
ต้องยอมรับว่าทีม “กระทิงดุ” สเปน ถือว่ากำลังอยู่ในฟอร์มเทพจริงๆ และก็โดนวางให้เป็นเต็งหนึ่งในครั้งนี้ ทำให้หลายคนพากันเฝ้าจับตามองว่า จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หลังจากคว้าแชมป์ยูโรครั้งที่แล้วเมื่อปี 2008 ซึ่ง ออสเตรีย กับ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ในอีก 2 ปีต่อมาก็ไปผงาดชูถ้วยเวิลด์คัพได้สำเร็จเป็นครั้งแรกที่แอฟริกาใต้
หาก สเปน คว้าแชมป์ยูโร 2012 ที่ ยูเครน เป็นเจ้าภาพร่วมกับ โปแลนด์ ในปีหน้าได้อีก จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว เพราะแม้แต่ บราซิล แชมป์โลกมากที่สุด 5 สมัย ก็ไม่เคยกวาดแชมป์โลกและแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ได้ 3 ครั้งติดกัน
“ไม่ใช่กลุ่มที่ง่ายเลยสำหรับเรา และไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เราต้องให้ความเคารพคู่ต่อสู้ (กลุ่มซี) อิตาลี เป็นทีมที่แข็งแกร่งเล่นด้วยยากมาก และพวกเขาก็เพิ่งเอาชนะเราในเกมอุ่นเครื่อง ส่วน ไอร์แลนด์ และ โครเอเชีย ก็ทำผลงานได้ดีในรอบเพลย์ออฟ เนื่องจากมีผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมจากสโมสรในลีกยุโรป” บีเซนเต เดล บอสเก กุนซือสุดเก๋าของ สเปน กล่าว
เลิฟบ่นแข้งเบียร์เจองานช้าง
ทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ไม่ว่าเข้าร่วมแข่งขันงานไหน ก็มักเป็นทีมเต็งระดับต้นๆ เสมอ เพราะด้วยความแข็งแกร่งและมาตรฐานที่สูงโด่ของทีมนั่นเอง และคราวนี้ถูกจัดให้เป็นเต็ง 2
โจอาคิม เลิฟ กุนซือทีมเมืองเบียร์ ยอมรับแต่โดยดีว่าเจองานสุดหินเข้าแล้ว หลังจาก เยอรมนี ถูกจับสลากให้อยู่กลุ่มบี ร่วมกับ ฮอลแลนด์ โปรตุเกส และ เดนมาร์ก เนื่องจากใครๆ ก็พากันยกให้เป็น กรุ๊ป ออฟ เดธ ของศึกยูโรครั้งนี้
“กลุ่มของเราถือว่าแข็งโป๊กสุดๆ เลย และก็น่าสนใจมากซะด้วย เดนมาร์กถือเป็นทีมที่อันตราย เพราะพวกเขาไม่เคยหวั่นหรือสะทกสะท้านแม้จะต้องเจอกับทีมใหญ่ๆ หรือนักเตะเก่งๆ ผมเคยพูดก่อนจะมีการจับสลากแล้วว่า นี่คือศึกชิงแชมป์ยุโรปที่สุดยอดมาก ทุกทีมล้วนแข็งแกร่ง ซึ่งมันไม่เหมือนกับใน เวิลด์คัพ ที่อาจจะได้เจอกับทีมที่อ่อนกว่า” กุนซือวัย 51 กล่าว
นอกจากนี้ เลิฟ ยังเสริมอีกว่า บอกได้ยากว่าทีมใดจะเจ๋งสุดในศึกยูโรปีหน้า เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาบาดเจ็บของนักเตะ
คาเปลโลพอใจทีมผู้ดีไม่หนักมาก
เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่มักจะมีทีม “สิงโตคำราม” อังกฤษ อยู่ในดวงใจไม่น้อยเลย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทีมจากถิ่นผู้ดียังไม่เคยสัมผัสแชมป์ยูโรแม้แต่ครั้งเดียว โดยทำได้ดีที่สุดคือการคว้าที่ 3 เมื่อปี 1968 (หลังจากได้แชมป์โลกครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อปี 1966) และอันดับ 3 ร่วมกับ ฝรั่งเศส ปี 1996 (ไม่มีการชิงที่ 3)
ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือชาวอิตาเลียนของทีมอังกฤษ ที่จะพาทีมบุกศึกยูโร 2012 ในฐานะทีมเต็ง 3 รู้สึกพอใจกับผลการจับสลากแบ่งกลุ่มศึกยูโร 2012 เพราะลูกทีมเจองานไม่หนักมากนัก โดยอยู่ กลุ่มดี ร่วมกับ “เจ้าภาพ” ยูเครน ฝรั่งเศส และ สวีเดน
“ทุกทีมต่างก็เป็นทีมที่ดี มิฉะนั้นคงไม่สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายนี้ได้ สำหรับผมแล้ว ยังยกให้แชมป์เก่าอย่าง สเปน มีโอกาสมากสุดที่จะขึ้นชูถ้วยได้อีกครั้ง เพราะถือเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ และ โปรตุเกส ก็เป็นทีมที่ดี และมีลุ้นในครั้งนี้เช่นกัน” คาเปลโล กล่าว
นอกจากนี้ กุนซือวัย 65 ยังยืนยันจะขออำลาการคุมทีมผู้ดีหลังจบศึกยูโร พร้อมกับกระตุ้นลูกทีมหรือโยนความกดดันให้แข้งสิงโตก็ไม่ทราบได้ โดยกล่าวว่า
“ในฐานะผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ผมก็หวังว่าจะยุติเส้นทางอาชีพผู้จัดการทีมด้วยการคว้าแชมป์สักรายการ โดยหวังว่านักเตะทุกคนจะลงเล่นด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งและคว้าแชมป์รายการนี้”
2 เจ้าภาพทำบุญมาต่างกัน
โปแลนด์ ถือว่าโชคดีกว่า ยูเครน เจ้าภาพร่วม เนื่องจากอยู่ กลุ่มเอ กับ กรีซ รัสเซีย และ สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งดูๆ แล้วน่าจะเป็นกลุ่มเบาสุดในศึกยูโรคราวนี้ ส่วน ยูเครน อยู่ กลุ่มดี ต้องเจอทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส และ สวีเดน ซึ่งถือว่า หนักกว่า โปแลนด์ เยอะเลย
ด้าน ฟรานซิสเซก สมูดา โค้ชของโปแลนด์ ยอมรับว่าโชคดีที่ได้อยู่กลุ่มนี้ เพราะไม่ใช่กลุ่มแห่งความตาย แต่ก็ไม่ประมาทแน่ในนัดเปิดสนามกับ กรีซ ที่กรุงวอร์ซอ วันที่ 8 มิ.ย.ปีหน้า
“ผมหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เราเคยเห็นมาแล้วในยูโร 2004 ที่เจ้าภาพอย่าง โปรตุเกส ประเดิมสนามพ่าย กรีซ 12 ซึ่งนัดแรกถือว่าสำคัญมาก ส่วนผลการจับสลากของเราถือว่าดีทีเดียว แม้ไม่ใช่ กรุ๊ป ออฟ เดธ แต่มันก็ไม่ง่าย เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก หากหวังที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป” สมูดา กล่าว
ขณะที่โค้ชของ ยูเครน คือ โอเล็ก บล็อกคิน ที่จะต้องพาทีมลงเตะนัดแรกกับ สวีเดน ที่กรุงเคียฟ วันที่ 11 มิ.ย. ก็บอกว่า จะอยู่กลุ่มใดและต้องเจอกับทีมไหน มันก็ไม่ง่ายทั้งนั้นในศึกยูโร
“มันเป็นงานที่ท้าทาย แต่สนามของเราพร้อม กองเชียร์เราก็พร้อม และนักเตะของเราก็พร้อมเช่นกัน” บล็อกคิน กล่าว