ไปไหนไปกาญจน์
คิดถึงกาญจนบุรีแล้ว ทุกคนน่าจะคิดถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นที่แรก หลังจากนั้นน่าจะเป็นน้ำตกและเขื่อนศรีนครินทร์
โดย...กาญจน์ อายุ
คิดถึงกาญจนบุรีแล้ว ทุกคนน่าจะคิดถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นที่แรก หลังจากนั้นน่าจะเป็นน้ำตกและเขื่อนศรีนครินทร์ สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นที่นิยมของจังหวัด เมื่อได้สอบถาม K.T.C หรือ กาญจนบุรี ทราเวล เซ็นเตอร์ บริษัทจัดทัวร์เที่ยวเมืองกาญจน์ถึงแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยทราบว่ามีที่ใดบ้าง K.T.C ให้คำแนะนำและใจดีจัดวันเดย์ทริปให้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง
คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาเที่ยวเพียง 1 วัน แต่อยากสนุกและตื่นเต้น K.T.C ได้พาไป “สวนสัตว์เปิด ซาฟารี ปาร์ค แอนด์ แคมป์” ที่ อ.บ่อพลอย สวนสัตว์เปิดแห่งเดียวในจังหวัดที่เปิดให้บริการมานานถึง 18 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนเมืองกาญจน์ ซาฟารี ปาร์ค การันตีตัวเองว่าเป็นแห่งเดียวในโลกที่สามารถกอดคอยีราฟถ่ายรูปได้ ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างคำการันตี เพราะเมื่อถึงโซนยีราฟมันจะยื่นคอเข้ามากินอาหารที่นักท่องเที่ยวซื้อมา อาหารที่ว่าคือแครอตและข้าวโพดอ่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องซื้อจากสวนสัตว์เท่านั้น ห้ามแอบพกเข้ามาเอง เพราะเคยมีเหตุการณ์ยีราฟตายเพราะกินอาหารที่มียาฆ่าแมลงมาแล้วหลายตัว
นอกจากยีราฟยังมีม้าลายและกวางอีกหลายชนิดที่สามารถให้อาหารได้ถึงปาก พวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่อันตราย (นอกจากคุณจะพลาดยื่นนิ้วใส่ปากมัน) เชื่อง และคุ้นเคยกับคน เจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้เปิดกระจกรถและให้อาหารพวกมันได้ แต่เมื่อเข้าสู่โซนสัตว์ดุร้ายต้องปิดกระจกทุกบาน และห้ามให้อาหารโดยเด็ดขาด สัตว์ดุร้ายที่กล่าวถึงได้แก่ หมี สิงโต และไฮไลต์คือมี “เสือดาว” ที่ซาฟารี ปาร์ค เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งเดียวในประเทศไทยที่เลี้ยงเสือดาวไว้
คุณปิยะบุตร ประสพสุขโชคมณี หรือคุณโจ้ กรรมการผู้จัดการ ซาฟารี ปาร์ค เท้าความว่า เสือดาวตัวแรกที่ได้มามาจากชาวบ้านที่เลี้ยงมันไว้แต่เล็ก แต่พอมันโตก็เลี้ยงไม่ไหว จึงยกให้ซาฟารี ปาร์ค ดูแลต่อ ทางซาฟารีจึงสร้างสถานที่เลี้ยงที่เหมาะสม มีรั้วกั้นสูงและไม่มีต้นไม้ที่สูงมาก เพราะธรรมชาติของเสือดาวมันสามารถปีนต้นไม้เพื่อหลบหนีได้ และเสือดาวก็คุ้นเคยกับคนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มันไม่ดุร้ายมากนัก แต่ทั้งนี้ทุกโซนไม่ว่าสัตว์ดุร้ายหรือไม่ดุร้ายจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมตลอดเวลา
อีกหนึ่งไฮไลต์ของซาฟารี ปาร์ค คือ การแสดงโชว์จระเข้และช้างแสนรู้ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรี ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่ม เรียกว่าค่าบัตร 150 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 80 บาท สำหรับเด็ก เป็นราคาที่ถูกไปเลย
นอกจากนี้ ซาฟารี ปาร์ค ยังมีพื้นที่จัดเป็นแคมป์ลูกเสือ 2 แคมป์ มีที่พัก สถานที่จัดกิจกรรม และฐานผจญภัยทางบก ทางน้ำ และทางอากาศมากกว่า 18 ฐาน ตามมาตรฐานลูกเสือโลก ท่ามกลางบรรยากาศซาฟารีที่อาจได้ยินเสียงสัตว์ป่าส่งเสียงเวลากลางคืน เป็นการเข้าค่ายลูกเสือที่แปลกไปอีกแบบ
ใช้เวลาที่ซาฟารี ปาร์ค นานประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วแล้ว เพราะจอดให้อาหารสัตว์แต่ละที่ไม่นาน ถ้าเป็นไปได้อยากให้นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาซาฟารี ปาร์ค ค่อยๆ ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์แต่ละชนิดไปด้วยในตัว เพราะสัตว์จะใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ถูกจำกัดในสถานที่คับแคบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนจะไม่ได้เห็นง่ายๆ
หลังจากสนุกกับซาฟารี ปาร์ค แล้ว พี่เสือไกด์จาก K.T.C ได้พาไปเจอกับความตื่นเต้นกันต่อที่ “แคมป์ช้างวังโพ” ใน อ.ไทรโยค กับกิจกรรมขี่ช้างล่องแพ คุณศราวุธ งามโขนง ทายาทรุ่นที่สองสืบทอดแคมป์ช้างมาจากพ่อแม่ ให้ข้อมูลว่า แคมป์ช้างวังโพมีช้างทั้งสิ้น 11 เชือก ในช่วงวันหยุดยาวช้างจะทำงานหนักหน่อย เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาก นักท่องเที่ยวสามารถอาบน้ำช้างและขี่ช้างวนรอบแคมป์ช้าง ความตื่นเต้นมันอยู่ตรงที่เส้นทางการเดินบางช่วงลาดชัน ทำให้คนบนหลังช้างต้องยึดที่นั่งให้มั่นและทรงตัวนั่งให้ดี เพราะเมื่ออยู่บนหลังช้างจะรู้สึกสูงจากพื้นดินมาก และแรงเหวี่ยงระหว่างที่มันเดินทำให้คนนั่งโยกเยกซ้ายขวาตามจังหวะ
ส่วนกิจกรรมล่องแพจะล่องกันในแม่น้ำแควน้อย เป็นแพไม้ไผ่ที่จะถูกลากทวนกระแสน้ำขึ้นไปไกลพอสมควร เมื่อได้ที่เจ้าหน้าที่บนเรือจะใช้ไม้พายกำกับทิศทางและปล่อยให้แพล่องตามกระแสน้ำลงมา นักท่องเที่ยวสามารถใส่ชูชีพเล่นน้ำและลอยตามแพมาได้ ระยะทางขาล่องลงไม่นาน เพราะเป็นทางตามน้ำ ใครที่คิดว่าจะลงเล่นน้ำก็ควรลงตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นจะถึงจุดจอดแพก่อนไม่รู้ตัว
กิจกรรมขี่ช้างเป็นกิจกรรมยอดฮิต เพราะในกาญจนบุรีมีมากกว่า 5 แคมป์ แต่การล่องแพมีบางที่ ขึ้นอยู่กับทำเล คุณศราวุธยังบอกด้วยว่า มีแผนจะซื้อช้างเพิ่ม แต่หาซื้อได้ยาก เพราะช้างเร่ตามเมืองควาญช้างจะได้รายได้ดีกว่า และทางแคมป์ไม่มีหมอช้างสำหรับสืบพันธุ์ช้าง ทำให้ไม่กล้าสืบพันธุ์เอง ทำให้หน้าเทศกาลนักท่องเที่ยวต้องต่อคิวขี่ช้าง และช้างเองก็ต้องกินอาหารมากขึ้น เพราะทำงานหนัก ซึ่งโชคดีที่ จ.กาญจนบุรี มีไร่สับปะรดจำนวนมาก ทำให้ช้างมีอาหารเพียงพอสำหรับพวกมัน
แค่สองสถานที่สามกิจกรรมก็กินเวลาไปเกือบทั้งวัน อีกทั้งยังกินแรงไปมากพอตัว แต่ยังมีเวลาช่วงเย็นไปชมสะพานข้ามแม่น้ำแควสัญลักษณ์ของจังหวัด เพื่อยืนยันว่า “มาถึงกาญจนบุรี” แต่ถ้าอยากได้ภาพสะพานที่สวยที่สุดต้องมาแต่เช้าตรู่ เพราะสามารถยืนบนสะพานชมพระอาทิตย์ขึ้นจากริมขอบแม่น้ำแคว