หรูริมน้ำเจ้าพระยา โรงพยาบาล “มาตรฐานศิริราช”
ป่วย (เมื่อไรคุณก็จะเป็นทั้ง) “ผู้รับ” (แล้วยังจะเป็น) “ผู้ให้” ทูอินวัน
โดย...ปอย
ป่วย (เมื่อไรคุณก็จะเป็นทั้ง) “ผู้รับ” (แล้วยังจะเป็น) “ผู้ให้” ทูอินวัน
ฟังๆ ดูแล้วในโอกาส...เปื่อยยยยย!!! คราวนี้สุดพิเศษ ก็เพราะคนไทยเราจะมีสถานพยาบาลแห่งใหม่ที่ต้องนิยามคำว่า “หรู&เลิศ” โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีจุดเด่นด้าน “ภูมิสังคม” คือตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีทัศนียภาพที่งดงาม อากาศดีเหมาะแก่การพักฟื้นของผู้ป่วย
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบเป็นชุมชนที่ยังมีความเป็นมิตร เงียบสงบ มีการพัฒนาระบบการคมนาคมที่สะดวกสบาย คุณภาพในการรักษาในรูปแบบการบริหารใหม่จากการดูแลโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คุณภาพที่คนไทยฟังแล้ว “อบอุ่นหัวใจ” เป็นที่สุด
“โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” พร้อมเปิดบริการเฟสแรก ปลาย เม.ย.นี้ ตอกย้ำแนวคิด “ผู้รับและผู้ให้” นำรายได้คืนกลับสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
SiPH “หรูหรา” ริมแม่น้ำ
วันนี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ก้าวสู่มิติใหม่แห่งการบริการทางแพทย์ด้วยการเปิด “โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” หรือ SiPH ตึกโรงพยาบาลดีไซน์หรูหราเรียบง่าย “Simplicity” ในแบบฉบับปรัชญาตะวันออก ล็อบบี้หรูหรา รับวิวงดงามระดับโรงแรม 5 ดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ๆ โรงพยาบาลศิริราช
รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลใหม่แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นอีกมิติหนึ่งทางการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งในวงการแพทย์เป็นเสาหลักในฐานะศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ ทุกวันนี้โรงพยาบาลศิริราช ภายใต้การบริหารจัดการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ต้องรับภาระดูแลผู้ป่วยจำนวนปีละมากกว่า 2.8 ล้านรายและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งยังต้องดูแลเรื่องการศึกษาของแพทย์ การวิจัย แม้กระทั่งมีหน้าที่ในด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม (อีกด้วย) ซึ่งภารกิจหลักทั้งหมดนี้ต้องอาศัยทุนทรัพย์มาก
การบริหารรูปแบบใหม่ “SiPH จึงเกิดขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระของคณะแพทย์ฯ ในการดูแลสังคมและสุขภาพประชาชน โดยกำหนดรูปแบบ การบริหารใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัว สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ที่สำคัญ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ย้ำจะนำเงินรายได้จากการดำเนินงานคืนกลับสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
“ด้วยการบริหารรูปแบบใหม่ SiPH ให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ลักษณะเดียวกับโรงพยาบาลเอกชนเลยครับ แต่ค่ารักษาในอัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล คือคุณป่วย เดินเข้ามาก็ต้องจ่ายแพงกว่าโรงพยาบาลรัฐแน่นอน แต่ราคา (โดยเฉลี่ย) 75-80 เปอร์เซ็นต์ของโรงพยาบาลเอกชน เพราะเราต้องการกำไรเพียง 10-12 เปอร์เซ็นต์เพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน แต่ไม่เป็นองค์กรที่หวังทำกำไร โดยโรงพยาบาลนี้ไม่มีผู้ถือหุ้น เงินจึงจะคืนกลับสู่ผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์” รศ.นพ.ประดิษฐ์ กล่าวย้ำอีกครั้ง
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจึงได้ริเริ่มโครงการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ขึ้น โดยจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐแห่งแรกที่มีรูปแบบการบริหารและบริการที่มีประสิทธิภาพแบบเอกชน โดยมีจุดต่างที่การยึดหลัก “คืนรายได้จากการดำเนินงานกลับสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และพัฒนาสู่ความเป็นเลิศระดับสากล” ดังนั้น ผู้ป่วยที่ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อเข้ารับบริการในโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์นั้น นอกจากจะเป็น “ผู้รับ” คือได้รับบริการที่เป็นเลิศตามมาตรฐานทางการแพทย์แล้ว ยังจะมีโอกาสเป็น “ผู้ให้” ด้วย
SiPH มาตรฐานเดียวกับศิริราช
ในปัจจุบันศิริราชต้องดูแลผู้ป่วยถึงปีละ 2.8 ล้านราย โดยเป็นผู้ป่วยในถึง 8 หมื่นราย (และคนไข้ก็เพิ่มขึ้นๆ ทุกปี) ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการการรักษา และการบริการที่สะดวกรวดเร็วควบคู่กันไป ที่สำคัญ “ยินดีที่จะจ่ายเพิ่ม!!!” แต่ไม่สามารถแบกภาระค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชน! และก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ในโรงพยาบาลรัฐ!!! อีกทั้งสัดส่วนงบประมาณที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับจากภาครัฐ การบริจาค และรายได้จากโรงพยาบาลศิริราช นับวันจะไม่เพียงพอที่จะแบกรับภารกิจต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
แนวคิดนี้จึงมีการเปิดโรงพยาบาลมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลศิริราชขึ้น ทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยทั้งสองโรงพยาบาลมีการคัดกรองบุคลากรทางการแพทย์ด้วยมาตรฐานเดียวกัน คือ ดี เก่ง และหมอพยาบาล คนทำงานทุกคนมีความสุขในการทำงาน
ส่วนในด้านเครื่องมือทางการแพทย์ก็จะมีความก้าวหน้าและทันสมัยในระดับมาตรฐานโลกเหมือนกัน และยังสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่าง 2 โรงพยาบาลได้ด้วย
“SiPH มีกำหนดเปิดบริการในต้นปี 2555 โดยในปีแรก เฟสแรกจะให้บริการ 30% วันที่ 26 เม.ย.นี้ครับ ในปีที่สองก็จะเปิดให้ได้ 50% ปีที่สามจะสามารถให้บริการได้ 100% เต็มรูปแบบ” รศ.นพ.ประดิษฐ์ กล่าว
การดำเนินงานแบบใหม่นี้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่าหลายคน (อาจ) กังวลว่าศิริราชรักษาได้ แต่บริการจะ (ดี) เท่าเอกชนหรือไม่? แต่เนื่องจากมีประสบการณ์และเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากการเปิดศูนย์หัวใจ The Heart by Siriraj ซึ่งเป็นโครงการนำร่องมาตั้งแต่ปี 2549 สนองความต้องการของผู้ป่วยที่ยินดีจ่ายเพิ่มแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเอง และคืนกลับสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ มีความสูง 14 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ภายในอาคารจะมีศูนย์รักษาโรคครบวงจร เช่น ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์มะเร็ง ศูนย์รังสีรักษา ศูนย์รังสีวินิจฉัย ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ ศูนย์ประสาทวิทยา ศูนย์ไตเทียม ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ ศูนย์เบาหวาน ศูนย์ภูมิแพ้ ศูนย์กระดูกและข้อ ฯลฯ
มีห้องบริการผู้ป่วยนอก 117 ห้อง ห้องผ่าตัด 12 ห้อง เตียงผู้ป่วย 284 เตียง หอผู้ป่วยวิกฤต 61 ห้อง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในงานบริการ ให้สามารถเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ในภูมิภาคนี้
“ใครต้องเดินเข้าห้องอินเทนซีฟแคร์ (ป่วยวิกฤต) จิตใจก็ห่อเหี่ยวแล้วนะครับ การได้อยู่ในห้องดีๆ สวยๆ จิตใจก็ดีตามโรคหายไปกว่าครึ่งแล้ว เป็นการยกมาตรฐานการรักษานะครับ” รศ.นพ.ประดิษฐ์ กล่าว
กว่า 120 ปี ที่โรงพยาบาลศิริราชได้สืบทอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งโรงพยาบาลขึ้นเพื่อทำหน้าที่ “ผู้ให้” ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ชาวไทย จนกลายเป็นเสาหลักด้านบริการทางการแพทย์ที่ค้ำจุนสังคมไทยมาตลอด และเป็นแหล่งรวมความเป็นเลิศทางการแพทย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
มาวันนี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ก้าวสู่มิติใหม่ SiPH ในรูปแบบการบริหารโรงพยาบาลแนวใหม่ที่นอกจากจะสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคมแล้ว ยังได้ตอกย้ำแนวคิด “ผู้รับและผู้ให้” คือ ผู้ป่วยเป็นผู้รับ ดำรงเจตนารมณ์ในด้านการพัฒนาแพทย์และการดูแลสังคมและชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสืบทอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้อย่างยั่งยืน